เรื่องนี้เขียนจากเหตุการณ์ต้นปี 2024 ซึ่งเขียนทิ้งไว้และลืม เอากลับมาเรียบเรียงใหม่ตอนกลางปีเดียวกัน
——-
มันทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย ความรู้สึกที่มีต่อสถานที่นี้เปลี่ยนไปมากเมื่อเวลาผ่านไป เสน่ห์บางอย่างที่คุ้เคยหายไป เหลือแต่ความสุขจากความทรงจำเก่าๆ ที่ยังพอจำได้
เมื่อผมเลยคณะสถาปัตย์ ผ่านคณะวิทยาศาสตร์ และข้ามสะพานข้ามถนนมอเตอร์เวย์ ผมก็เห็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางด้านขวา สมัยเป็นเฟรชชี่ที่ลาดกระบัง ผมเคยพักอยู่ที่นี่ มันเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ตอนแรกอยู่ไม่ได้เลย เพราะเป็นบ้านร้าง มีต้นไม้รกไปทั่ว ตี้และโบ๊ท เพื่อนวิศวะของผม จึงขอแรงเพื่อนวิศวะด้วยกันมาช่วยกันตัดต้นไม้ จนพออยู่ได้ แต่สุดท้ายก็เป็นผมคนเดียวที่กลับมานอนที่นี่แทบทุกวัน
บ้านหลังนี้คนธรรมดาอาจจะอยู่ไม่ได้เลย นอกจากความรกและความน่ากลัวที่ยังคงมีอยู่ ระบบประปาก็มีปัญหาท่อรั่วใต้ดิน เวลาจะอาบน้ำหรือใช้น้ำ ต้องไปเปิดวาล์วน้ำหน้าบ้าน แม้กระทั่งตอนดึก อาบเสร็จแล้วก็ต้องปิด เพราะเราต้องจ่ายค่าน้ำเอง และไม่มีเงินซ่อม ค่าบ้านเดือนละ 4,000 บาท เพื่อแลกกับบ้านเดี่ยวทั้งหลัง
บ้านหลังนี้คนธรรมดาอาจจะอยู่ไม่ได้เลย นอกจากความรกและความน่ากลัวที่ยังคงมีอยู่ ระบบประปาก็มีปัญหาท่อรั่วใต้ดิน เวลาจะอาบน้ำหรือใช้น้ำ ต้องไปเปิดวาล์วน้ำหน้าบ้าน แม้กระทั่งตอนดึก อาบเสร็จแล้วก็ต้องปิด เพราะเราต้องจ่ายค่าน้ำเอง และไม่มีเงินซ่อม ค่าบ้านเดือนละ 4,000 บาท เพื่อแลกกับบ้านเดี่ยวทั้งหลัง
หลังจาก 1-2 เดือนผ่านไป ผมแทบไม่ค่อยได้สังสรรค์กับเพื่อนที่คณะ เพราะพวกเขาอยู่อีกฝั่งของมหาลัย เวลาจบกิจกรรมเชียร์ เพื่อนๆ ในคณะก็จะไปกินข้าวสังสรรค์กัน แต่ผมต้องกลับบ้านอีกฝั่งเพราะไม่อยากกลับดึกเกินไป มันเปลี่ยว และต้องอยู่คนเดียว ผมจึงเปิดเพลง Silly Fools อัลบั้ม Mint ที่ตุลย์ เพื่อนถาปัตย์ อัดใส่เทปให้ ฟังไปเป็นเพื่อนขณะทำการบ้านยามดึก
สุดท้าย ผมตัดสินใจทิ้งเงินมัดจำ 2-3 เดือน แล้วย้ายไปอยู่อีกฝั่งที่ใกล้คณะมากขึ้น โดยที่เพื่อนวิศวะทั้งสองก็ยังแทบไม่กลับมาบ้านเลย
แต่ฝั่งที่ไกลนี้ก็มีความทรงจำดีๆ อยู่บ้างกับเพื่อนสาวต่างภาควิชาคนนึงที่ผมแอบชอบตอนปีหนึ่ง เราเจอกันบ่อยและคุยกันอยู่หลายครั้ง หนึ่งในความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือการนั่งรถเมล์ไปเที่ยวเดอะมอลล์บางกะปิด้วยกันซึ่งผ่านทางบ้านเช่าของผมนี้ ซึ่งแน่นอน มันไม่ใช่ทางที่เด็กคณะสถาปัตย์จะมาผ่าน อีกอย่าง เธออาจไม่ได้คิดว่ามันเป็นเดท แต่สำหรับผมแค่นั้นก็คือใช่แล้ว รถเมล์ร้อนที่ไม่มีแอร์ นั่งนานเกือบชั่วโมง เพื่อไปเดินเล่นที่ตลาดตะวันนาเพียงแค่แป๊บเดียว ถ้าให้ทำอีกก็คงไม่ทำแล้ว
ผมจำไม่ได้ว่าเรายังไปไหนด้วยกันอีกไหม และผมก็ไม่เคยบอกความรู้สึกของผมให้เธอรู้ โลกของเรามันต่างกันมาก แค่มีความสุขกับการเจอกันบ้างในระยะแค่นี้ก็พอสำหรับผมแล้ว ทุกวันนี้ผมไม่ได้ติดต่อเพื่อนผู้หญิงคนนั้นอีกเลย เท่าที่จำได้ เธอออกไปเรียนที่อื่นกระทันหัน และผมก็สนุกกับชีวิตปีสองของผม เราไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีการแลกเบอร์ไว้ การติดต่อจึงขาดหายไปถาวรตั้งแต่ตอนนั้น ผมขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ โดยไม่คิดมากในตอนนั้น ทั้งการเลือกบ้าน การตัดสินใจต่างๆ เพราะถ้าคิดก็คงไม่ได้ทำ มันเป็นความทรงจำที่มีความสุข เสี่ยงแบบไร้เหตุผล ทำไปเพราะความรู้สึกที่บริสุทธิ์ล้วนๆ
และตอนนี้ผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราจะยังสามารถกลับไปมีความสุขง่ายๆกับอะไรเล็กๆในรูปแบบนั้นได้อีกไหม ไม่ต้องคิดอะไรมากมายแค่ทำตามหัวใจตัวเอง และไม่กลัวความลำบากที่อาจจะมีข้างหน้า
Tags:
BLOG