3. Develop : Brainstorming solutions, defining and prioritizing features
3.1 วิธีการ Prioritize features
3.1.1 Impact Effort Matrix
อันนี้ได้กล่าวไปแล้วใน Post [UX] Product Design Process Part : 1นี้
3.1.2 FDV → Feasibility, Desirability, and Viability Score card (IDEO)
ถ้าพูดถึง UX มันก็ต้องมีเรือง Emotion มาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเราก็มาให้คะแนนในมุมของ User Persona แต่ละคนกันว่า ถ้าเราเป็นมองจากมุมของ User เราจะให้กี่คะแนน ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทำเป็นกลุ่มแล้ว Discuss กัน เพราะว่าเรามองมุมเดียวอาจจะไม่พอก็ได้ แล้วอย่าลืม Docuement เหตุผลเอาไว้ด้วย
วิธีการก็คือดูจาก Parameter ต่างๆตามด้านล่างนี้ จากนั้นก็ให้คะแนน ในตัวอย่างให้ 1-10 โดยที่หนึ่งคือไม่เห็นด้วยเลย และ 10 ก็คือเห็นด้วยมากที่สุด
- Desirability: Feature นี้ หรือ Idea นี้ เป็นสิ่งที่เราต้องการ และจำเป็นต้องมี (Want/Need)
- Viability: Feature นี้ หรือ Idea นี้น่าสนใจมากในมุมของธุรกิจ หรือเชิงพานิชย์ (Commercially Attractive)
- Feasibility: Feature นี้ หรือ Idea นี้ เป็นไปได้มาก และมีความง่ายมากที่จะเอาไป Implement หรือ Dev โดยไม่มี Dependency*
- Usability: Feature นี้ หรือ Idea นี้ใช้งานง่ายมากๆ (Easy for people to use)
3.2 User journey หรือ Customer journey map
เป็นอีก design activity นึงที่หลายๆคนทำมาเสนอ แต่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Design activity อื่นๆเลย ในความเป็นจริง เราจะได้ customer journey มา 2 แบบ คือ จากการ Secondary Research หรือข้อมูลจากคนอื่นอีกที หรือง่ายก็คือจาก internet กับ แบบ Primary Research หรือจากการทำ User interview, หรือจากการสังเกต observation
สิ่งที่ได้จากวิธีข้างต้นคือ As-is Journey หรือ เป็น Customer Journey ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถามว่ามันมีประโยชน์ยังไง.............
เฉลย มันคือการมองหา Touch point ที่เกิดขึ้นกับ Services หรือ Products เรา ในแต่ละ Stages เพื่อมองหา Pain point และ Opportunity การมองผ่าน Customer journey คือการมองแบบเป็นองค์รวม (Holistic view) และมองแบบ ต้นจนจบ (End-to-End) แนะนำเลยถ้าเกิดจะทำเพื่อ Present Idea อย่าทำพวก Sign-up, register process เลย เพราะมันเหมือนไม่ได้โชว์อะไร แต่ยกเว้นว่าเรามีไอเดีย หรือต้องการพัฒนา Feature นี้อยู่แล้ว
การทำ End-to-End Customer Journey จำเป็นจะต้องทำจนจบนั้นคือเริ่มจาก Phase ของ Awareness > Research > Decision> Purchasing (ยกตัวอย่างถ้าเป็น Ecommerce)> Checkout> Received product/ Review and Share
ทำไมต้องเริ่มจาก Awareness
เพราะเราต้องการรู้ว่า User รู้จักและเห็น Products&Services เราจากไหน ดังนั้นเราสามารถที่จะ Enhance channel เหล่านี้ได้ หรือแม้กระทั้งมองหา Channel อื่นๆ เพื่อหาลูกค้าเพิ่มได้ (Acquire more customers) ได้
ทำไมต้องจบด้วย Review and Share
เพราะเราจะรู้ว่า Product ของเราเป็นที่รักจริงๆหรือปล่าว เราวัดจากการบอกต่อ หรือ Net Promoter Score
Net Promoter Score
ถ้าของไม่ดีจริง เราคงไม่บอกต่อใช่ไหม ไม่งั้นก็เสีย credit หรือจะบอกต่อก็คือ ห้ามไปใช้โดยเด็ดขาด ส่วนใหญ่ก็เริ่มจาก scale 1-10
- บอกต่อแน่ๆ (9 to 10)
- ชอบแต่คงเฉยๆ (7 or 8)
- ไม่แนะนำให้ใช้ และยังเอาไปบ่นให้เพื่อนฟังด้วย (0 to 6)
3.3 User Story
4. Deliver
4.1 Card Sorting
4.2 Prototype, test, iterate, implement.
บางทีก็เป็น Hand sketch บางทีก็เป็น Lo-fi B&W บางทีก็เป็น Hi-fi
ถ้าเราไม่ได้ Test End-to-End แบบ ไม่มี Moderator ก็แนะนำไม่ควรทำ
สิ่งที่สำคัญคือเราต้องตอบให้ได้ว่าเราต้องการจะ test อะไร เพราะเราไม่สามารถ test ทุกอย่างได้หมดในชีวิตจริง
ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนเพิ่มเติมเรื่องการทำ Prototype และการวางแผน User/Usability Testing