How to be writer freelance

จะดีมั้ยถ้า ขีดๆ เขียนๆ ที่ไหนก็ได้แถมยังเป็นรายได้เลี้ยงชีพด้วย นักเขียนอิสระจึงอาจเป็นความฝันของใครหลายคน แล้วจะเริ่มต้นจากไหน? เขียนอย่างไร? ใส่สไตล์ของตัวได้หรือไม่?



จากงานที่จัดขึ้นที่ PAH Crative Space ผมถึงกับฝ่ารถติดกว่า 2.5 ชั่วโมงเพื่อไปฟังที่เอกมัย ถึงแม้ผลลัพท์จะไปสายอยู่บ้าง แต่ก็พอทันประเด็นที่น่าสนใจ และได้นำมาแชร์ลงใน Blog ของผมนี้

โดย วิภว์ บูรพาเดชะ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร happening mag ร่วมกับ จิราภาณ์ วิหวา นักเขียนจาก a day magazine, Salmon



19.10 วันที่ 27 พฤศจิกายน

How to be writer freelance
จากโครงร่างเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก คล้ายๆกับจะเป็นกระดูกของเรื่องราวทั้งหมดของเรา จากเนื้อหาที่ผมเก็บได้จากงาน เรามีแนวทางในการวางโครงเรื่อง 2 แบบคือ

1. ต้น-กลาง-ปลาย เป็นพื้นฐานการว่างเรื่องทั่วไป ถ้าเป็นเรื่องสั้นก็มีการเปิดเรื่องที่ดี เล่าเรื่องตัวละคร และจบอย่างประทับใจ ผมค้นหาดูมีหลากหลายวิธีเขียนใน internet มากมาย เลยรวบรวมมาให้ครับ


2. การวางโครงเรื่องแบบ Mind map เป็นการวางเรืองสำหรับคนที่มีความคิดไหลไปเรื่อยๆ นั้นคือแบบผมเลย เวลาเขียนขอบไหล และหลุดประเด็นมากๆ ก็แตกมันไปเลยตั้งแต่แรก แล้วเราก็ค่อยมาเลือกเส้นทางให้มันอย่างที่ควรจะเป็น จะได้ไม่ต้องกังวลและไม่บีบความคิดเราตั้งแต่แรกๆด้วย

การเขียนเรื่องที่ดี เราควรมีความชอบและความสนใจในตัวมัน ความสนใจจะทำให้เกิด Passion ในการเขียน และยิ่งเรามีเรื่องที่เราสนใจมากเท่าไร เรายิ่งมีวัตถุดิบในการเขียนมากขึ้นด้วย

การเขียนเรืองตามกระแสนิยม อย่างเช่น การเขียนวิจารณ์หนัง หรือประเด็น Talk of the Town ควรใช้วิจารณญาน ของเราใส่เข้าไปด้วยเพื่อสร้างความแตกต่างในมุมมองของเราเอง พยายามคิดและหาข้อมูลสนับสนุนแนวคิดเราเยอะ ๆ ซื่อสัตย์ต่อความเท็จจริงของข้อมูล ไม่โกงจำนวนอ้างอิง เช่นมีแค่ 2-3 แหล่งข้อมูลก็สรุปและเชื่อตามแนวคิดนั้นๆ



เราจะมีแผนการเผยแพร่ผลงานเขียนของเราอย่างไร

เริ่มจาก Blog
การจะเริ่มสร้างอาชีพจากงานเขียน คุณ วิภว์ บูรพาเดชะ-วิทยากร ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ควรเริ่มจากพื้นที่ที่สามารถสร้างได้ง่ายอย่างเช่น Facebook หรือว่า blog ของเราเอง เพื่อสร้างฐานของคนอ่าน การเริ่มต้นจากศูนย์และเอาผลงานเราไปนำเสนอต่อกองบรรรณาธิการ ค่อนข้างยาก เพราะวันหนึ่งเค้าต้องรับเรื่องราวจากนักเขียนมากมาย การมีฐานคนอ่าน จะช่วยทำให้ Profile ของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น

Publishing -PR
เริ่มเผยแพร่ผลงานตามช่องทางต่างๆและสร้างฐานคนอ่านโดยวิธีการต่างๆ

Portfolio
หลังจากที่งานเราถูกสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับคนอ่านที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้ว งานของเราจะเป็นผลงานที่ดีสำหรับเอาไปรวมเล่ม หรืออ้างอิงในการนำเสนอในอนาคต หรือขายใน Platform สำหรับเร็จรูปในปัจจุบัน เช่น Meb, Ook bee


จำนวนการพิมพ์เท่าไรถึงจะพอ
จากข้อมูลในงาน
 - พิมพ์ 200 เล่ม สำหรับการพิมพ์ถือว่าน้อย จำนวนนี้อาจจะต้องพิมพ์แบบ Digital เท่านั้น เพราะต้นทุนต่อเล่มจะถูกกว่า
- พิมพ์ 800 เล่ม เริ่มกลางๆ สามารถเลือกวิธีพิมพ์แบบอื่นได้ เพราะต้นทุนต่อเล่มจะเริ่มถูกลง

มากกว่านั้นและมี Potential พอ สายส่งจะเริ่มมองและจัดจำหน่ายให้คุณ

ใช้เวลาต่อเรื่องนานเท่าไร
เป็นเรื่องที่แล้วแต่คนมากๆ เพราะวัตถุดิบกับความชำนาญในการเลือกมาใช้แตกแต่างกัน เสมือนกับพ่อครัวปรุงอาหาร วัตถุดิบเหมือนกันแต่ใช้เวลาในการปรุงหรือรสชาติแตกต่างกันออกไป แต่จุดเริ่มต้นของนักเขียนเหมือนกัน คือ คิดองค์รวมของเรื่องให้ครบถ้วนก่อน จากนั้นค่อยเอาไปเริ่มเขียน Draft แรกอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด บางคนใช้เวลาเขียนกว่า 10-20 ครั้งเลยทีเดียว

ผมเคยอ่านเรืองการทำต้นแบบ (Mock-up) ของ Jonathan Ive (Senior Vice President of Design, Apple Inc.) กับจำนวนที่น่าตกใจ เค้าทำต้นแบบผลิตภัณท์จำนวนมากในเวลาสั้นๆ เพื่อพัฒนาในดีเทลของงานซึ่งเป็นจุดเล็กๆ บางคนอาจจะไม่ทันได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ

เวลาเราเขียน อาจจะมีเหนื่อยล้าจากการคิด อย่าพยายามฝืนสร้างมันต่อ ให้ออกมาจากสภาพแวดล้อมในตอนนั้น ออกมาพักผ่อน สูดอากาศ หรือว่าหยุดไปเลย สมองที่ปลอดโปร่งจะช่วยเราสร้างสรรค์งานในทิศทางอื่นๆได้ต่อไปอีก

Post a Comment

You can share any idea here.......

Previous Post Next Post

Contact Form