ผมตื่นเช้าขึ้นมาในวันที่สาม ในขณะที่ระบบต่างๆยังคงทำงานไม่เต็มที่ เพราะเพลียจากวันที่ผ่าน ๆ มา วันนี้โปรแกรมจะพาไปดู อนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ กัน ซึ่งเป็นประติมากรรมรูปนกฟีนิกซ์ขี่ลูกโลก โลเคชั่นค่อนข้างกว้างใหญ่มีเจ้านกนี้อยู่ตรงกลางโอบอ้อมโดยหุบเขา ตั้งอยู่เบื้องหน้าของภูเขารูปหัวมังกร (Bugaksan Mountain)
ความเชื่อ ฟีนิกซ์นั้นเป็นนกไม่มีวันตาย สามารถฟื้นคืนชีพจากความตายได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม สะท้อนถึงความอดทนต่ออุปสรรคและความยากลำบากของคนในประเทศเกาหลี และยังมีรูปปั้นพ่อ-แม่-ลูก ที่แสดงถึงความเป็นสถาบันครอบครัวด้วย
น่าเสียดายช่วงที่ผมไปเป็นช่วงกำลังปรับปรุงพื้นที่ ภาพเลยไม่ค่อยสวยหนัก ประกอบกับเป็นช่วงหน้าหนาวของที่นั้นสีสรรของบรรยากาศเลยค่อนข้างแห้งไปนิดนึง ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา
จากตำแหน่งนี้ เราจะสามารถมองเห็น บลูเฮ้าส์ ( Blue House ) หรือทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ฟังชื่อแล้วเหมือนกับเลียนแบบ White House ของ USA แต่ที่ได้ชื่อบลูเฮ้าส์เพราะว่าด้านนอกของอาคารมองแล้วจะเห็นเป็นสีฟ้าอ่อนทั้งหลัง
แต่สถานที่นี่เข้าถึงยากเพราะเปิดทำการอยู่นักท่องเที่ยวจึงไม่สามารถเข้าชมภายในได้ ด้านหลังอาคารมีภูเขาอยู่ช่วยส่งเสริมฮวงจุ้ย (ชาวเกาหลีเห็นว่าเชื่อถือเรื่องของฮวงจุ้ยเหมือนกัน และจุดที่สร้างนี้ถือเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดีมากๆที่หนึ่ง)
ถ้าคุณมองไปรอบๆจะเห็นชายชุดดำยืนกระจายเป็นจุดๆ คอยสอดส่องพฤติกรรมทุกคนตลอดเวลา คนเหล่านี้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย ที่ค่อนข้างเข้มงวด เพราะนอกจากเป็นสถานที่สำคัญของบ้านเมืองแล้วยังเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญด้วย
Cheong Wa Dae Sarangehae Museum And Exhibition
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับอนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ จัดแสดงเกี่ยวกับประธานาธิบดี และนิทรรศการต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการปกครองและรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการจำลองห้องประชุม G20 (The Seoul summit 2010) ไว้อีกด้วย
การเดินทาง
โดย Seoul Subway Line 3 ไปที่ Gyeongbokgung Station เดินออกทางออกที่ 5 และเดินอีก 10 นาที โดยตำแหน่งอยู่ด้านซ้ายของ พระราชวังเคียงบกกุง( Gyeongbokgung Palace)
พระราชวังเคียงบกกุง( Gyeongbokgung Palace)
พระราชวังที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์โชซอน พ.ศ. 1937 (ค.ศ. 1394)ท่ามกลางเมืองหลวงและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ กลับมีอาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแทรกอยู่ อย่างไม่ขัดเขิน เพราะ space และ planning ที่ไม่รบกวนกันมากไป ผมดูแล้วก็เหมือนประเทศจีนที่เค้าให้ความสำคัญกับอาคารสำคัญเหล่านี้มาก
ราชวงศ์โชซอน สถาปนาขึ้นภายหลังการยกสถานะของอาณาจักรโชซ็อนเป็นจักรวรรดิโชซ็อนตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระจักรพรรดิควางมูแห่งจักรวรรดิโชซ็อน (พระเจ้าโกจง) เป็นราชวงศ์ที่ปกครองคาบสมุทรเกาหลีในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1392-1910 (อย่างเป็นทางการ) โดยรวมแล้วราชวงศ์โชซ็อนมีอายุกว่า 600 ปี
พระราชวังเคียงบก ตั้งอยู่ที่ตอนเหนือของกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี มีประตูกวงฮวามุน ประตูเมืองด้านทิศเหนือ เป็นประตูหลักที่จะเข้าสู่ พระราชวังเคียงบก ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพระราชวังใหญ่ และเป็นพระราชวังเก่าแก่ที่สุด คนที่นี่ชื่มว่าเป็นพระราชวังที่สวยที่สุดและใหญ่ที่สุดด้วย สร้างโดย ชองโดจอน เป็นพระราชวังหลวงสำหรับประทับว่าราชการของกษัตริย์ และเหล่าเชื้อพระวงศ์ของเกาหลีมาโดยตลอด และได้รับการต่อเติมโดยพระเจ้าแทจงและพระเจ้าเซจงมหาราช แต่บางส่วนของพระราชวังนั้นถูกเพลิงเผาวอดในช่วงที่ญี่ปุ่นบุกประเทศเกาหลี
นับว่าเป็นที่น่าสลดสำหรับสงครามจริงๆ เพราะสถานที่สำคัญ รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมหลายอย่างรวถึงนานาประเทศด้วย กลับถูกทำลายเพราะสงครามไป
ถัดมาด้านในจะเป็นพลับพลาเคียงฮวยรู ศาลากว้างขวางกลางสระใหญ่รูปดอกบัวอันงดงาม คือสถานที่ตั้งของห้องโถงอันวิจิตรด้วยฝีมือมนุษย์ล้วน ๆ ใช้เป็นห้องจัดงานเลี้ยงสำหรับเสนาบดีและต้อนรับนักการฑูตต่างประเทศ เป็นอาคารที่ไกด์บอกว่ามีความเป็นดั้งเดิมสูงที่สุด เพราะไม่ได้ถูกญี่ปุ่นทำลายไปกับสงคราม
Tags:
food&travel