Eustachian Dysfunction

เป็นชื่อโรคที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่รู้จักเพราะว่าทรมาณกับโรคนี้มาปีกว่าๆ เป็นๆหายๆ


Credit image : https://med.uth.edu/orl/texas-sinus-institute/services/balloon-eustachian-tuboplasty/



อาการเป็นยังไง

มันเริ่มจากอาการหูอื้อๆ เหมือนกับขึ้นที่สูงมากๆ หรือว่าเครื่องบินที่บินอยู่ บางครั้งได้ยินเสียง ป๊อบ เหมือนแก้วหูปรับความดัน แต่ไม่ถึงกับทรมาณมาก สักพักก็หาย แต่เป็นบ่อยๆ

จนกระทั่งมันเริ่มรู้สึกเหมือนมีน้ำอยู่ในหู ซึ่งคำว่าในหู มันคือในหูจริงๆ หูคนเราจะมีชั้นนอกซึ่งเป็นส่วนที่เริ่มจากรูหูเลย กับหูชั้นกลาง ซึ่งที่บอกว่าน้ำมันคือมีในหูชั้นกลางนี้ โรคภาษาไทยก็จะเรียกว่า น้ำขังในหูชั้นกลาง แต่ภาษาอังกฤษจะเรียก eustachian dysfunction 


eustachian เป็นท่อที่เชื่อมหูชั้นกลางกับคอ 

เวลาเรา จาม กลืนน้ำลาย หรือหาว ทาอตัวนี้จะเปิดขึ้น เพื่อปรับแรงดันและระบายน้ำทีเกิดภายในหูชั้นกลาง ผมก็ไม่รู้ว่านำ้เหล่านี้มันเกิดขึ้นยังไง

dysfunction คือไม่ทำงาน โดยรวมก็คือท่อเนี่ยมันทำงานไม่ได้ หรือทำงานได้ไม่ปกติ อาจจะเกิดจากการอุดตัน


ทำไมมันถึงอุดตันจนทำให้เกิดน้ำในหูไม่ระบาย

ส่วนใหญ่จะเป็นการอักเสบ มีเมือก(mucus) หรือของเหลว ที่เกิดจาก หวัด (flu) ไซนัสติดเลื้ออักเสบ (sinus infection) หรือภูมิแพ้ (allergies)  

*ผมอาจจะใช้คำไม่ถูกนะครับ ผมไม่ได้มีความรู้ทางนี้โดยตรง แต่ผมอ่านบทความ งานวิจัยต่างประเทศ และ บอกเล่าจากประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเอง

อากาศเหล่านี้จะพบมากในเด็ก คนสูบบุหรี่ และคนทีมีภาวะโรคอ้วน (People who are obese)


ประสบการณ์รักษา

เนื่องจากผมมีการใช้อุปกรณ์แปลกปลอมค่อนข้างเยอะในตอนนอน (อย่าเข้าใจผมผิด) มันคือพวก ที่อุดหู (earplug) และ เครื่องปรับแรงดันบวก หรือ CPAP ( continuos positive airway pressure) ทำให้การ diagnose จะค่อนข้างยาก การบอกเล่าอาการก็ยากเหมือนกัน ทำให้ปีแรกๆ รักษาไม่หายสักที ไปโรงพยาบาล 2 แห่ง ก็รักษาตามอาการ 

แรกๆจะมีการอักเสบที่หูชั้นนอก อันนี้น่าจะมาจากความไม่สะอาดของ earplug แต่ผมก็เปลี่ยนทุกวัน หมอคนที่1 ก็หยุดใช้ไป และให้รักษาตรงนี้ให้เสร็จสรรพ จำได้ว่าต้องทำ hearing test ด้วย รักษาได้ครั้งเดียว คิดว่ารพ  มันไกลไปและรอนาน (ขนาดเป็นเอกชน) 

ก็เลยเปลี่ยนเป็นใกล้บ้าน และมีประกันสังคมอยู่ กับหมอคนที่ 2 ก็มีการเริ่มใหม่ ทำ hearing test เหมือนเดิม หมอบอกให้เครียร์หู (คือการหายใจออกโดยที่ปิดปากปิดจมูก ให้เกิดแรงดัน หรือ Self-Inflation of the Ears) แต่บางทีทำก็ไม่หาย และให้ยาแนวแก้แพ้ (antihistamine) มากิน รักษาอยู่จะปี แต่ไม่หาย  ไปๆมาๆกับหมอคนนี้เกือบ 5-6 รอบได้ จนหมดความพยายาม เพราะคิดว่าหมอประสบการณ์น่าจะยังไม่พอ อาการยังกลับมา

ผมพยายามอ่านบทความวิชาการต่างประเทศ ทำความเข้าใจว่าสาเหตุ ปัจจัย และแนวทางการรักษาเป็นยังไง ผลที่ผมสรุปเองคือ มันไม่ใช่การรักษา มันเป็นการประคองอาการ หรือหมอคนนร้อาจจะคิดว่าอาการผมมันไม่รุนแรง (severe) พอหรือปล่าว


จนประมาณ 1-2 เดือนก่อน รู้สึกว่าของเหลวมันไม่หายไป เคลียร์หูไม่ได้ แล้วมีหลายๆบทความบอกว่าอย่าเคลียร์หูในคนไข้บางกรณี  เพราะอาจจะทำให้แบคทีเรียเข้าไปในหูชั้นกลาง และอักเสบหนักขึ้นได้


จึงตัดสินใจไปหาหมอคนที่ 3 

ซึ่งคนที่ 3 เป็นหมอที่มีอายุแต่ก็ดูคล่อง ดูโผงผางจนน่ากลัวในตอนแรก มีคนไข้ไปหาแกเยอะมาก ผมไปรอคิว 9-10 จะได้ตรวจรักษาจริงๆ บ่าย 2 โมง

แกไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะแกบอกว่า”โรคนี้กระจอก” เป็นกันเยอะมาก ผมก็สงสัยว่าเป็นกันเยอะ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเลย หมอเลยบอกว่ามันคือ ‘หูน้ำหนวก’ 

หูน้ำหนวก มันมีแบบที่เป็นหนองอักเสบรุนแรง กับแบบผมคือยังไม่อักเสบ


พูดถึงการรักษา

ในช่วงที่อยู่บนเตียงตรวจ หมอใช้ความรวดเร็ว หยดอะไรสักอย่างเข้าไปในหู ผมก็ตกใจ หมอบอกว่าเป็นยาชา

ต้องบอกก่อนว่าหมอคนนี้มั่นใจมาก ทำอะไรเร็ว บางทีแกไม่บอกว่าทำอะไร หรือจะทำอะไร ต่างกับหมอคนอื่นๆ

พอเป็นยาชา ผมก็ตกในว่าเค้าจะทำอะไร เค้าบอกว่าจะฉีด สเตรีรอยด์ เพื่อลดอาการบวม ซึ่งเข้าใจได้ แต่เอ๊ะ ต้องวางยาชาเลยเหรอ

ในระหว่างที่ต้องเดินไปจ่ายเงินเบิกยามา ผมก็แอบหาข้อมูล (เพราะไม่ทันได้ถามหมอ หมอทำเร็วมาก แล้วก็รับคนไข้คนต่อไป) ปรากฎว่าต้องฉีดเข้าไปที่หูชั้นกลาง และนี่แหละทำไมต้องวางยาชา

ระหว่างที่ขึ้นเตียงรอบสอง หมอบอกว่ารักษาตามนี้ก่อน ถ้าไม่หายผมอาจจะต้องเจาะหูคุณ

เจาะหู……. คือเจาแก้วหู (eardrums) ผมมองเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่หมอหัวเราะและบอกว่า โรคนี้มันกระจอกมาก เป็นกันเยอะแยะ(อีกรอบ) 

แต่สำหรับผมมันไม่กระจอกเลย อะไรที่เกี่ยวกับ การมองเห็น การได้ยิน ผมซีเรียสมาก


ระหว่างที่รอหมอหายไปกินข้าวเที่ยง ผมไม่แน่ใจว่าแกตั้งใจไหม เพื่อให้ยาชาทำงานของมัน ผมแค่กลัวว่ากว่าแกจะกลับมายาชาจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว ก็ได้แต่แอบมอง จนพยาบาลต้องเข้ามาเป็นเพื่อนคุย

หมอหายไปพักใหญ่ๆจนสมมุติฐานของผมเรื่องยาชามันอาจจะเป็นจริง จนกระทั่งได้ยินพยาบาลเรียกหมอ และบอกว่ามีคนไข้รออยู่บนเตียง หมอจึงเข้ามา เหมือนกับผมเป็นคนไข้คนแรกหลังมื้อเที่ยงแก


แกจับใบหู เอากล้องส่องดู แล้วผมก็ได้ยินเสียงเครื่องมือที่น่าจะเป็นเข็มฉีดยา หมอบอกว่าทำเสร็จบ้านจะหมุนนะ ผมก็คิดว่าน่าจะออกแนวเหมือนคนเป็นลม ซึ่งตั้งแต่เช้าถึงเวลานี้ผมยังไม่ได้กินข้าว และหิวมาก ในใจคิด ก็คงจะประมาณนี้หล่ะมั๊งหิวตาลาย

หมอสอดเครื่องมือเข้ามาในหูจำรายละเอียดไม่ได้ รู้สึกแปลกปลอม และเจ็บจากของแหลมดันมา(แต่ไม่มาก) จำได้ก่อนหน้านี้พยาบาลบอกตอนหมอฉีดห้ามกลืนน้ำลาย เพราะยาจะลงท้องไปหมด แต่ตอนหมอดันยาเข้าหู มันแน่นไปหมด จนหมอบอกว่า กลืนน้ำลายสิ ผมคิด make sense ถ้าจะให้ยาเข้าไปมันต้องกลืนน้ำลาย ก็เลยกลืนไป 2 ทีติดต่อกัน ยาเข้าหู รู้สึกได้ว่ามันมีการวิ่งผ่านท่อบางอย่างลงหลังจมูกและก็ลงคอไป รสชาติขอแปลกๆ จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงอย่างรุนแรง ราวกันหัวเราเป็นศูนย์กลางแต่ขาหมุนและเหวี่ยงอย่างแรงและเร็ว

นี่สินะบ้านหมุน อันนี้คือ worse กว่าการไม่ได้กินข้าวเยอะมาก เอาว่าถ้ายืนก็คือล้มแน่ๆ

หมอใช้เวลาไม่เกิน 3-5 นาที แล้งก็บอก พักให้หายแล้วก็กลับบ้านได้ ผมนอนพักเกือบ 15 นาที เพื่อให้ยากระจายและให้ดีขึ้นจากอาการ ’บ้านหมุน’ ด้วย ได้ยาพวกแก้แพ้มาเหมือนเดิม มียาฆ่าเชื้อ และยาฉีดจมูก 3 ตัว ตัวแรกเป็นสเตรีรอยด์ ตัวสองเหมือนเป็นน้ำเกลือเพื่อล้างจมูก และตัวที่ 3 ไม่รู้อะไรแต่มาจากยุโรป สองตัวเแรกเป็นของไทย 

ในมุมมองของ product designer และ experience designer บอกเลยว่าตัวยุโรปดีกว่ามากในแง่ของละอองที่เกิดขึ้นจากการฉีด ละอองมันนุ่ม กระจายได้ทั่งถึงกว่ามากๆ


อาการดีขึ้นในวันแรกชัดเจน เหมือนได้ยินเสียงปกติอีกครั้ง มีเสียง pop เป็นระยะจากการปรับแรงดันในหู ทำให้ผมดีใจมาก เหมือนร่างกายเริ่มทรงตัวได้แล้วดีขึ้น คิดว่าอาการน้ำในหูที่ผ่านมามีผลโดยตรงต่อการทรงตัวด้วย

แต่อาการดีอยู่แค่ 3 วัน 

ของเหลวในหูชั้นกลางมันเริ่มกลับมา และจะปงดมากๆ ตอนกลางคืน จนต้องกินยาแก้ปวด ในใจคิดว่ายามันอาจจะยังไม่ทำงานเต็มที่ เพราะท้ายสุดแล้วตามที่หมอบอก ไม่หายจะต้องเจาะหู ซึ่งขอเป็นตัวเลือกสุดท้าย ผมกลัวจะเกิดอาการอื่นๆ หรือผิดพลาดจนทำให้สูญเสียการได้ยินไป………


หลังจากที่รักษา กินยาและพ่นจมูกมาตลอด 14 วัน อาการไม่ได้ดีขึ้นเลย คิดว่ามันน่าจะหนักมาแล้ว คิดว่ายังไงก็ต้องเจาะหู หรือจะเรียกให้ถูกคือ เจาะเยื่อแก้วหู เพื่อระบายและดูดน้ำออก

เดี่ยวต่อไปจะมาอัพเดทอาการ


Post a Comment

You can share any idea here.......

Previous Post Next Post

Contact Form