แนวทางการเลือกขนาดเครื่องซักอบผ้าฝาหน้า

จากที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ USA มานาน จนกลายมาเป็นนิสัยซักผ้าแล้วไม่ชอบตาก เนื่องจากที่นั้นมีเครื่องอบ ทำให้ชีวิตสบายและลำบากขึ้นนิดนึง

ทำไมถึงสบายเหรอ เพราะว่าเราไม่ต้องเอาไปตากแดดเอง การซักผ้าก็จะทำเมื่อไรก็ได้ ไม่ว่าจะฝนตก แดดไม่มี หรือว่าหาพื้นที่ตากไม่ได้ และอีกอย่างผ้าอย่างเสื้อ Shirt ก็จะไม่ยับด้วยเพราะเราไม่ต้องไปปั่นแห้ง ทำให้การใช้ชีวิตที่ USA 2 ปีกว่า ไม่มีการต้องมานั่งรีดเลย

แต่ถามว่า Pain ของการอบผ้าคืออะไร นั้นคือ ผ้าหดครับ ด้วยความชี้เกียจ เราตั้งความร้อนสูงและระยะเวลานานๆ ผ้าของเราก็จะเริ่มหดไปเรื่อยๆ จำได้ตอนไปอยู่อาทิตย์แรกเลย ไม่รู้ เอายืดทั้งหมดไปอบแล้วเพลินลืมดู ปรากฏว่าหดจนใส่ไม่ได้จริง และก็เพิ่งจะซื้อมาใหม่ก่อนไปด้วย

ทำไมถึงพูดเรื่องนี้เหรอ เพราะว่าขี้เกียจเอาผ้าไปตากเหมือนตอนนั้นไง ประเทศไทยเป็นประเทศที่แดดแรงและดีมาก ทำให้ผ้าแห้ง ไม่อับ แถมไม่หด แต่การก้มๆเงยๆ และต้องเอาผ้าที่ยับมารีดจากผลของการปั่นมันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไร จึงตัดสินใจจะซื้อ เครื่องซักและอบในตัวเอาไปตั้งที่คอนโด

ปัญหาคือ Size ควรจะเป็นเท่าไร
ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นก็คือ ซัก8Kg.อบ5Kg. ซัก10Kg.อบ8Kg. อะไรแบบนี้ แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าผ้าหนักเท่าไรแล้วมันประมาณกี่ตัวกันแน่ ผมก็เลยทำการ Research

เพราะราคามันกระโดดกันเยอะมาก
ซัก8อบ5 ซัก10อบ8 ราคาต่างกันเกือบหมื่นห้า ซึ่งเอาไปทำอย่างอื่นได้เลย ส่วนถ้าจะไปเล่น Size ครอบครัว (เกิน 10Kg.) ก็ปาไปเกือบครึ่งแสน

ก่อนอื่นก็มานิยามจำนวนสมาชิกในครอบครัวก่อน และก็สัดส่วนของผ้าที่เกิดจากกาใช้โดยเฉลี่ย


และจากแหล่งอีกสองที่ เปรียบเทียบ Kg ของ Cloting กับจำนวนและรูปแบบในชีวิตประจำวันได้ดังนี้


ทำให้รู้คร่าวๆว่า แบบเล็กๆ 8kg./5kg.
  1. ถ้าเราเปลี่ยนชุดทุกวัน แต่ไม่ซักพวกผ้าขนหนูหรือผ้าปูที่นอน ก็สามารถซักสบายๆสำหรับ 1-2 คน
  2. แต่ถ้ามีเยอะอาจจะต้องเป็นสัปดาห์ละสองหน
  3. ต้องแยกชุดผ้าขนหนูเครื่องนอนออกต่างหาก
  4. พวกผ้านวมไม่อาจจะซักเครื่องเล็กๆได้ ควรใช้เครื่องแบบ Commecial จะดีกว่า หรือว่าก็คือตู้ยอดเหรียญนั้นเอง


Post a Comment

You can share any idea here.......

Previous Post Next Post

Contact Form