สำหรับที่ไทย อาจจะยังไม่คุ้นกับเครื่องที่ว่านี้เท่าไร จะว่าไปที่ US เองก็ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับ Nespresso หรือว่า Brand ทางเลือกอย่าง Keurig ทั้งสามแบรนด์มี coffee casules เป็นของตัวเอง และไม่สามารถใช้แทนกันได้ เรียกได้ต้องเลือกค่ายกันเลยทีเดียว
Nespresso
เป็น Brand ที่น่าจะค่อนข้างคุ้นหูสำหรับไทย ที่ได้เข้ามาทำตลาดกันสักพักแล้ว แต่เนื่องจากราคาเครื่องและตัว CoffeePod เองราคาค่อนข้างสูง ที่นี่เหรียญกว่าๆสำหรับ 1 serving จึงอาจทำให้ดูเป็นของราคาแพงเกินไปสักนิด แต่ข้อได้เปรียบก็คือสวยงาม กระทัดรัด และผลิตกาแฟที่รสชาติดีถึงดีมากเลยทีเดียว
ข้อดี
- ใช้งานง่าย มี CoffeePod หลายรูปแบบ หลายรสชาติให้ลอง ผมเองได้ลองชิมสมัยอยู่ที่ไทย ที่ ศูนย์ Ducati ทองหล่อมีบริการสำหรับลูกค้าที่ซื้อ และมาเยี่ยมชม Showroom อานิสงค์ของคนที่ขี่ Ducati ก็จะได้ชิม ระหว่างรอรถหรือติดต่อ
- ตัวเครื่อเล็ก ใช้พื้นที่น้อย และทำกาแฟได้ไว (ใช้เวลาวอรม์อัพ 25-20 secs)
- สามารถ eject CoffeePod ที่ใช้แล้วลง container ได้ ไม่ต้องเสี่ยงโดนน้ำร้อนลวก
- ทำ Espresso ที่อร่อยมาก บางรุ่นขายพร้อมเครื่องทำฟองนม (Milk Froster) สำหรับ Latte และ Cappucino
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- Pod ต้องใช้เฉพาะของ Nespresso เท่านั้น ไม่สามารถ หาซื้อ Refillable Pod ได้
- ไม่สามารถชงแบบ Brew ได้ อันนี้สำหรับชั่วโมงเร่งด่วนผมถือว่าสำคัญมากๆ
Keurig
เป็น Brand ที่น่าทำการตลาดได้ดี แต่ไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับไทยแน่นอน ตัวเครื่องราคาถูกมากใช้งานง่าย และมีตัวเลือกสำหรับ CoffeePod หลากหลายสุดๆ ถึงขนาดค่ายอย่าง Starbucks, Dunkin donut, Illy ก็ยังทำเป็น Pod มาให้เลือกซื้อ ส่งผลให้ราคาถูก และนิยมที่สุด ที่สำคัญหลังจากโดนโจมตีเรื่องของ ขยะที่เกิดจาก CoffeePod ที่ใช้แล้วจำนวนมาก และไม่สามารถ Refill ได้ ตอนนี้เริ่มมีขายตัว Pod แบบ Refillable แล้ว ทำให้น่าดึงดูดเข้าไปใหญ่ ราคาตัว Pod อยู่ที่ 0.5-1.5$
ข้อดี
- ใช้งานง่าย มี CoffeePod หลายรูปแบบ มากกว่า Nespresso แน่นอน ผมเองไม่เคยลอง แต่ว่าใน Supermarket เรียกได้ว่ามีให้ลองได้ทั้งปีไม่ซ้ำเลย
- ราคาถูกมาก และมีตัวเลือกเยอะทั้ง Refillable Pod หรือ จะชงชา Caramel Machiatto ก็แค่ซื้อ set ของมันมาเท่านั้น
- ชงแบบ Brew ได้
ข้อเสีย
- ตัวเครือ่งค่อนข้างใหญ่มาก กินพื้นที่สุดๆ
- ไม่สามารถ Elect Pod ที่ใช้แล้วได้ ส่วนใหญ่ต้องเอาออกทางช่องที่ใส่ (เสี่ยงโดนลวก)
- ไม่สามารถทำ Espresso ได้
Starbucks Verismo V
หลังจากทำการศึกษาอยู่พักใหญ่ๆ ก็มีตัวเลือกใหม่ที่เพิ่งเคยจะได้ยิน เป็นของ Starbucks ทำการตลาดเอง เป็นอีกรูปแบบที่แตกแยกไปจากทั้งสองแบรนด์ข้างต้น โดยใช้ชื่อว่า Verismo
ตัวเครื่องรุ่นแรกสมัย 2013 ยังไม่ค่อยสวยเท่าไร ยังมีความเป็น old school สูง แต่มาตัวใหม่ล่าสุด Verismo V ออกแบบได้ทันสมัยและสวยงามเตะตามากๆ แถมราคายังอยู่ตรงกลางระหว่าง Nespresso และ Keurig ด้วย ด้วยความที่เป็น Brand กาแฟทำเองการใช้งานจึงค่อยข้างหลากหลายกว่า และที่น่าประหลาดใจคือค่อนข้างทำรสชาติได้ดีเหมือนไปนั่งกินที่ร้านจริงๆ
ข้อดีของเครื่องนี้คือ สามารถชงได้แบบ Espresso และ Brew ซึ่งเป็นการรวมข้อดีของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน Verismo V ขายพร้อม Milk Froster ซึ่งใช้งานง่านแค่ปุ่มเดียว สามารถทำนมร้อนแบบ Latte และ Cappucino หรือนมเย็นได้โดยกดปุ่มค้างสักครู่
อีกฟังกชั่นนึงคือการชงนมแบบ Capsule สำหรับ Latte สำหรับผมมองว่าไม่ค่อยเท่าไร เพราะยังไงนมจริงก็ดีกว่า แค่อาจจะใช้งานสะดวกแค่นั้น
ข้อดี
- ใช้งานง่าย แต่ต้องใช้ "K-fee" CoffeePod ของ Starbucks เอง (หลายคนบอกว่าสามารถใช้ Coffee bean and Tea leaf ได้)
- ราคาอยู่ตรงกลางไม่แพงไม่ถูกมาก
- ชงแบบ Brew หรือ Espresso ได้
- สวย กระทัดรัด แต่ไม่เล็กเท่า Nespresso บางตัว แต่ดีกว่า Keurig แน่นอน
- ทำกาแฟได้ไว
- สามารถ eject CoffeePod ที่ใช้แล้วลง container ได้ ไม่ต้องเสี่ยงโดนน้ำร้อนลวก
- ทำ Espresso ที่อร่อยมาก ขายพร้อมเครื่องทำฟองนม (Milk Froster) สำหรับ Latte และ Cappucino
ข้อเสีย
- หาซื้อยากมาก ต้องซื้อที่ Starbucks เท่านั้น
- ไม่สามารถใช้ Pod ของ Brand อื่นๆ ต้องของ Starbucks เท่านั้น
สุดท้ายแล้วผมได้ตัดสินใจเลือก Verismo ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างเลยดังนี้
- สามารถชงแบบ Brew หรือ Espresso ได้ ซึ่งในชีวิตประจำวันตอนเช้าการชงแบบ Brew น่าจะเหมาะสมกับผมที่สุด เพราะ Espresso มัน Strong ไป แล้วระยะเวลา Enjoy กับกาแฟ มันสั้นไปสักนิด
- ตัวเครื่องสวยเรียบ เหมาะสำหรับตั้งในห้องทำงานดีไซนเนอร์
- มาตรฐาน Starbucks แม้ว่าตัว Starbucks เอาจริงก็แค่อบรนด์นึงที่ไม่ได้ถือว่าหรูมากใน US เทียบกับหลายๆ Craft brand แต่คุณภาพก็ค่อนข้างมาตรฐาน อีกอย่างผมกินมาเกือบทุกรส และได้รสชาติในใจแล้ว
- มีคน Hack Pod และ เตืมได้ไม่ยาก ทำให้ช่วยประหยัด ถึงแม้จะไม่มี Refillable Pod อย่าง Keurig
- ตอนซื้อมีโปรโมชั่นจาก 100$ ปลายๆเหลือ 100$ ต้นๆพร้อมของแถมเเป็น Pod กว่า 40 อัน แถมยังได้ Star reward อีกร้อยกว่าดวง
Tags:
BLOG