Fukuoka วันแรก ตอนที่ 2 บ่าย

ช่วงบ่าย
            หลังจากที่ลองกินจนอิ่มและเดินเล่นใน Canal City พบว่าของก็ไม่ได้ถูกไม่ได้แพงมาก มีหลากหลายให้เดินดูได้ทั้งวัน เช่น Muji ที่ใหญ่มาก มีเป็นชั้นๆเลย และอื่น ๆ อีก แต่จุดหมายผมยังอีกมากมายเลยทีเดียว ผมจึงเดินต่อไปยังสถานี Tenjin ซึ่งเป็นเหมือน Hub การเดินทางใหญ่มากๆ และมีห้างหลากหลายห้างบริเวณนี้ ทั้งใต้ดินที่มีรถไฟใต้ดินบรรจบกันหลายสาย และสถานีรถบัสที่มารวมตัวกันแถวนี้ ซึ่งพรุ่งนี้ที่จะไป Dazaifu ผมก็ต้องมาขึ้นที่นี่เหมือนกัน ที่นี่มีอาหารหลากหลาย รวมถึงร้านอาหารแผงลอย YATAI ซึ่ง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้



            ระหว่างทางเดินผมเดินผ่าน Chuo Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ (31,000 ตารางเมตร) และสวยมากที่หนึ่ง เพราะการจัดและการออกแบบ Landscape ที่นี่ เลยคิดว่าต้องผ่านมาแวะให้ได้ ที่นี่ปกติจะมีคนเล่นกีฬา หรือหน้าซากุระ ก็จะมานั่งชมวิวกัน แต่ตอนผมไปมันเป็นเวลาทำงานของเค้า เลยค่อนข้างจะเงียบนิดนึง






Mizukagami Shrine 水鏡神社
            ที่ประตู 16 สถานี Tenjin จะมีศาลเจ้า Mizukagami อยู่ ผมเห็นด้วยความบังเอิญ ดูเหมือนว่าจะคนที่มาทำงานจะแวะมาขอพรสักการะที่นี่ก่อนเดินทางไปทำงาน ซึ่งผมก็เข้าไปไหว้เสียหน่อย ขอให้การเดินทางครั้งนี้สำเร็จและมีสวัสดิภาพ









Ohori Park (大濠公園, Ōhori-kōen
            จากนั้นที่สถานีรถไฟใต้ดิน Tenjin ผมต่อรถไฟไปที่ Ohorikoen อ่อ ผมลืมบอกไปที่วันนี้เลือกการเดินทางโดยรถไฟใต้ดินเป็นส่วนใหญ่ เพราะผมซื้อตั๋วแบบวันมาครับ


Tip ซื้อแบบวันสบายใจกว่า ก่อนอื่นต้องวางแผนการเดินทางให้ดี คำนวนว่าการเดินทางแต่ละแบบมีเยอะแค่ไหน และคิดเป็นเงินเท่าไร ถ้าเดินทางบ่อยแล้วยอดเงินเกือบเท่าตั๋ววันก็ซื้อไปเลยครับ ประกันความเสี่ยงตอนหลงด้วย แต่ตั๋วเป็นกระดาษบาง ๆ ต้องระวังดี ๆ นะครับ อาจจะขาดได้
1. Fukuoka City (not applicable to Nishitetsu Train) Adults 820 yen, Children 410 yen เป็นอันที่ผมซื้อวันแรก
2. Fukuoka City and Dazaifu Adults 1,340 yen, Children 670 yen เป็นอันที่ผมซื้อวันที่ 2 เพื่อไป Dazaifu
ข้อมูล http://yokanavi.com/access_tourist_eg


ที่สถานนี Ohorikoen ขึ้นมาปุบจะเจอสวนสาธารณะ Ohori ทันที บรรยากาศตอนนั้นก็บ่าย ๆ เย็น แต่ยังไม่มีกาแฟตกถึงท้องเลย จริงๆตั้งใจจะมากิน Starbuck ที่นี่ต่างหาก 


            สวน Ohori แห่งนี้ก่อสร้างในปี 1926 - 1929 เป็นส่วนหนึ่งของระบบคูเมืองของปราสาทใน Fukuoka ที่ตอนนี้พังทลายไปแล้ว 
ล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นบึงเลย เราสามารถเดินได้รอบบึงนี้ แล้วมีสะพานไปเกาะตรงกลางทั้งหมด 3 เกาะได้แต่ละเกาะจะเชื่อมกันด้วยสะพานหินที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม ความยาวรอบของสระทั้งหมดประมาณ 2 กิโล ตอนเย็น ๆ ก็จะมีคนมาวิ่งจ๊อกกิ้ง ขี่จักรยาน หรือนั่งเล่นกัน แม่ๆเด็กก็จะเข็นรถเข็นมาพูดคุยพบปะกัน ดูเป็นสังคมที่ดีมาก ๆ 


            ด้านหนึ่งของสวนจะเป็น Fukuoka Art Museum ซึ่งการจะเข้าชมต้องเสียค่าเข้าชม 200 Yen ซึ่งถ้ามีเวลาจะเข้าไปดูก็ได้ครับ มีสองชั้น ทั้งสวนถาวรและชั่วคราว เวลาเปิดคือ 9:30 to 17:30 (จะเปิดถึง19:30 ในช่วงเดือน กค.-สค. ยกเว้นวันอาทิตย์ หรือว่าวันหยุดต่างๆ )
ปิด: วันจันทร์ หรือวันถัดไป ถ้าเกิดวันจันทร์เป็นวันหยุด ควรเข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที Mondays (or ด้านในจะเป็น ancient Buddhist statues กับพวกงาน gallery และ sculptures โดย modern artists เช่น Miro และ Dali. 

            ต่อจาก Museum จะเป็นสวนญี่ปุ่น และ Gokoku Shrine ซึ่งจะอยู่ถัดไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 150 เมตร ที่นี่เหมือนจะเสียเงินค่าเข้าเล็กน้อย










The ruins of Fukuoka Castle (福岡城跡, Fukuokajōato)
            เป็นส่วนที่ผมอยากไปแต่ไม่ได้ไป เพราะเนื่องจากเวลามันจำกัด และมันก็เหลือเพียงฐานเท่านั้น ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่าปราสาทนี้เป็นส่วนหนึ่งของปราสาท Maizuru ที่อยู่ในช่วงสมัย เอโดะ ( 1603-1867 ) ซึ่งปราสาท Maizuru นี้เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในเกาะ Kyushu แต่มันก็ถูกไฟไหม้ ทลายลงหลังจาก ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยเมจิ  ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงบางส่วนและส่วนฐานของป้อมปราการ (Tamon Turret, Kinen Turret, Shiomi Turret)

            ส่วนตัวปราสาท Fuluoka ถูกสร้างในปีศตวรรษที่ 17 โดย Kuroda Nagamasa ผู้ซึ่งถูกแต่งตั้งจากการสนับสนุน Tokugawa Ieyasu ( เป็นผู้มีอิทธิพลมากหลังจาก Hideyoshi ตายในปี 1598 และเป็นโชกุนคนแรกแห่งรัฐบาลบาคุฟุหรือรัฐบาลทหารแห่งเอโดะ) ให้ดูรอบ Chizuken (ปัจจุบันเป็นที่ทำการเมือง Fukuoka) ในระหว่างศึกSekigahara ในปี 1600

            โทะกุงะวะ อิเอะยะซุเป็นไดเมียวคนหนึ่งที่สำคัญ เขาปราบปรามคู่แข่งโดยใช้กำลังทหารเข้าจัดการ หลังจากได้รับชัยชนะในสงครามที่เซะกิงะฮะระ อิเอะยะซุแต่งตั้งตนเองเป็นโชกุนคนแรกแห่งตระกูลโทะกุงะวะซึ่งตระกูลนี้ปกครองญี่ปุ่นจนถึงค.ศ. 1868 (พ.ศ. 2411) ก่อนจะหมดอำนาจลงและพระราชอำนาจก็กลับมาอยู่ที่องค์พระจักรพรรดิอีกครั้ง




FUKUOKA TOWER
            หลังจาก ขาลากกับการเดินเกือบครบรอบสวน Ohori แล้ว ผมก็เดินทางไปสู่ สถานี Nishijin ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ Fukuoka Tower ที่สุด   ซึ่งการเดินทางโดยใช้รถใต้ดิน เป็นอะไรที่แย่มากครับ เพราะว่าต้องเดินต่ออีกไกลมาก กว่าจะถึงก็ขาลากกันเลย (2.1 กิโลเมตร) แนะนำมารถบัสดีกว่า ถึงใกล้ๆเลย ซึ่งจะเล่าในวันที่ 3 ครับ



ดูไกลก็สวยดี ตอนนี้ขาแทบไม่มีแรงแล้ว
            ที่ตัว Tower จะเสียค่าเข้าชม โดยสามารถขึ้นไปมองวิวแบบ 360 ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 70 วินาทีในการขึ้นถึงจุดชมวิว ที่ความสูง 123 เมตรจากระดับพื้น สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว เป็นจุดที่นิยมมาดูวิวตอนพระอาทิตย์ตกดิน ความสูงหอคอยอยู่ที่ 234 เมตร มีการประดับประดาตึกด้วยแสงไฟลวดลายต่างๆในตอนกลางคืน โรแมนติคมากมาย
http://www.fukuokatower.co.jp/english/
            ถัดจากหอคอย จะเป็น Momochi Seaside Park เป็นเหมือนหาดถมยังไงไม่รู้ เพราะทรายจะหนาๆสีน้ำตาล เป็นพื้นที่ที่ผู้คนจะมาเดินเล่นพักผ่อน เล่น  Volley Ball กัน มีร้านบาบีคิวอยู่สองสามร้าน

เป็นสถานที่ที่เค้าใช้ขอแต่งงานกัน ผมก็สงสัยไม่ได้ว่าถ้าพาแฟนมาที่นี่เค้าก็ต้องรู้สิว่าจะขอแต่งงาน 



            นอกจากนี้เรายังสามารถเที่ยว พิพิธภัณท์หุ่นยนตร์ ที่ผมรู้สึกเหมือนเป็นร้านขายของมากกว่า แต่ก็มีหุ่นยนตร์ให้ดูนิดหน่อย ราคาก็ไม่ถูกเท่าไร   เห็นแล้วก็แอบผิดหวังเล็กๆ

            และยังมี Hawks Town ที่อยู่ไกลออกไป ประกอบไปด้วย Hawks Town Mall, Yahoo! Dome stadium และ โรงแรม Fukuoka Hilton ซึ่ง Yahoo! Dome stadium เป็นสถานที่จัดกีฬา เบสบอล ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเล่นกัน ตอนผมไปวันที่สามก็เหมือนมีการจัดการแข่งขันอยู่ คนเยอะกันเลยทีเดียว


Post a Comment

You can share any idea here.......

Previous Post Next Post

Contact Form