สัญญาณของการเชื่อมต่อระหว่างบทสนทนา


           

            การสื่อสารระหว่างกันเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก ในชีวิตประจำวัน ในทุกๆวันเราต้องพบกับข้อมูลและสารที่ต้องการจะสื่อกับเรามากมาย จนแทบรับไม่ไหว แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่เรากำลังสื่อสารอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแบบตัวต่อตัว หรือเป็นแบบกลุ่ม เค้าเข้าถึงและเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อได้จริงหรือไม่ ซึ่งคำถามนี้จะรู้และสังเกตได้จากสัญญาณต่าง ๆ ต่อไปนี้


  1. มีความพยายามเกิดขึ้น 
  2. แสดงความชื่นชมแบบไม่ต้องเรียกร้อง
  3. แสดงความเปิดเผยมากขึ้น
  4. สื่อสารกันเพิ่มมากขึ้น
  5. สนุกสนานกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน
  6. มีอารมณ์ร่วมกัน
  7. เกิดพลังงานในทางบวก
  8. ผนึกกำลังกันมากขึ้น
  9. มอบความรักแบบไม่มีเงื่อนไข


             สังเกตไหม แค่การขยันทำงานอย่างเดียวไม่เพียงพอ การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น เราต้องรู้จักที่จะสื่อสารกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในทุก ๆ วัน อย่างที่ได้กล่าวไ้ว้เราได้รับข้อมูลมากมาย ไม่ว่าจะโฆษณา สื่อ เฟสบุค ทวิตเตอร์ ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องเลือกบริโภคข้อมูลที่ตนสนใจจริง ๆ  แล้วทำอย่างไรหล่ะ ถึงจะก้าวข้ามกำแพงเหล่านั้น เพื่อส่งสารที่เราต้องการไปถึงผู้รับอย่างมีประสิทธิภาพ


             การสร้างความสัมพันธ์ เพื่อเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น ต้องเรียนรู้วิธีเข้าถึงจิตใจ เห็นอกเห็นใจ จากข้อมูลใน นิตยสาร Havard Business Review กล่าวไว้ว่า

“ปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่จะกำหนดความก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั้นตือการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นเอง”

             ต้องอธิบายให้รู้ถึงทิศทางที่เราจะมุ่งไป ต้องโน้มน้าวให้ประชาชนเดินหน้าไปพร้อมกับเขา สร้างความสัมพันธ์กับบุคคล และแสดงให้เห็นถึงควมน่าเชื่อถือ เช่น การรักษาคำพูด หรือลงมือแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม

โรเบิร์ต ดัลเลค นักประวัติศาสตร์ด้านประธานาธิบดี กล่าวถึงคุณลักษณะที่จะทำให้ทำงานสำเร็จลุล่วง ได้แก่

  1. การมีวิสัยทัศน์ 
  2. การลงมือแก้ปัญหาได้
  3. การสร้างความเห็นชอบร่วมกัน
  4. ความมีเสน่ห์ดึงดูด
  5. ความไว้ใจได้

ประโยชน์ของการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น

              “ การจะเชื่อมโยงสิ่งใดเข้าด้วยกัน ต้องนำของสิ่งนั้นมาประสานกัน แต่การสร้างความสัมพันธ์นั้นจะต้องมีความเห็นอกเห็นใจกัน “ ความเห็นจาก ทอม มาร์ติน นักธุรกิจ

             สังเกตก่อนการเริ่มงานสังคมใด ๆ เวลานัดมักจะเผื่อไว้ก่อนเวลาจริงเสมอ บางทีผมก็คิดว่าเผื่อไว้สำหรับการที่มาสาย แต่จริงแล้วอาจเป็นการสร้างโอกาส หรือ Connection กันก่อนเริ่มงานก็ได้ คุณจะก้าวไปถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อคุณต้องเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นก่อน

             การสร้างความสัมพันธ์ เพื่อปกป้องตัวเราเองจากเหตุการณ์ที่อาจะเป็นภัยกับเราในวันข้างหน้า เช่นสนิทสนมกับครูในชั้นเรียน กับยามในตึกออฟฟิศ เพื่อสร้างความพิเศษ หรือสร้างทางลัดไปสู่ความสำเร็จด้านต่าง ๆ ที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ

             ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ในบางครั้งเรารู้ตัวเองว่าเราบกพร่องด้านใด และมีความกล้าหาญที่จะยอมรับจุดด้อยเรานี้ แต่เราไม่รู้วิธีการปรับปรุงมัน การพูดคุยกันให้มากขึ้น บางที่ก็เหมือนจะยังไม่ใช่คำตอบ การเริ่มต้นที่จะสัมพันธ์กับผู้อื่น ต้องเริ่มจากการเข้าใจในคุณค่าของคนอื่น  ใส่ใจผู้คนและผลกำไร มองลูกน้องในแง่บวก ขอคำแนะนำจากลูกทีม และตั้งใจรับฟังทุกคน

หลักการเริ่มต้น


  • สนใจผู้อื่น  พูดเรื่องของอีกฝ่ายให้มากขึ้น พูดถึงตัวเองน้อยลง คนเราชอบพูดถึงเรื่องของตัวเองมากกว่าที่จะฟังเรื่องของผู้อื่น เตรียมประโยคสนทนาไว้สัก 2-3 ประโยคก่อนเริ่มงานสังคม 
  • ให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณตื่นเต้นที่ได้มาอยู่กับพวกเขา สื่อสารให้เขารู้ว่ามีความสำคัญกับคุณ หรืองานในครั้งนี้
  • หาทางพูดชมคนในกลุ่มในทางที่ดี หรือให้ความสำคัญกับสิ่งที่คนในกลุ่มเสนอ สร้างคุณค่าให้กับวงสนทนา  อย่าเอาความดีความชอบของกลุ่มมาใส่ตัว และอย่าชี้นิ้วหาคนผิดเมื่อเกิดควาผิดพลาด
  • สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ด้วยการทำสิ่งอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากคำพูด  การได้ทำอะไรร่วมกัน ย่อมทำลายกำแพงน้ำแข็งระหว่างกัน หรือการมอบอะไรเล็กๆน้อย ๆ ก็ช่วยต่อความสัมพันธ์ให้รวดเร็วขึ้น เช่นคำพูดที่มีประโยชน์ ของฝาก หนังสือดี ๆ หรือซีดี   
  • มีความกระตือรือร้นในการสร้างความสัมพันธ์ หลังจากได้มีโอกาสพูดคุยแล้ว พยายามเสนอตัวช่วยเหลืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ พยายามติดตามผล การได้ทำอะไรให้นั้นมีผลต่อความรู้สึกในระยะยาวมากกว่าการสนทนาเสียอีก
  • หาทางให้เกิดการเฉลิมฉลองความสำเร็จกัน 
  • เรียนรู้ว่านักพูดเก่ง ๆ เค้าสร้างความสัมพันธ์กันอย่างไร


ทักษะที่ควรฝึกฝนเพิ่มเติม

  • ค้นหาจุดยืนร่วมกัน 
  • ทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องง่าย ๆ
  • ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
  • สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเข้า และ มอบความจริงใจให้ 


สื่อสารอย่างไม่เข้าใจ 

             ถ้าคุณไม่รู้ว่าผู้รับสารต้องการอะไร คุณยัดเยียดอะไรไปเค้าก็ไม่รับข้อมูลคุณหรอก อย่ามองว่าเราเป็นจุดศูนย์กลางของการสนมนา พิธีกรที่ดีย่อมไม่ทำตัวเด่นไปกว่าแขกรับเชิญ ถึงแม้ว่าบางทีชื่อคุณอาจจะขายได้ในงาน แต่คงไม่มีใครอยากฟังเรื่องราวซ้ำ ๆ ซาก จากคุณหรอกว่าไหม ?

“ทำไมคนอื่นถึงไม่เชื่อฟัง”  
“ทำไมคนอื่นถึงไม่ทำตามผม”  
“ทำไมคนอื่นถึงไม่ช่วยผม”  

             คำตอบก็เห็นชัด ๆ อยู่แล้ว ว่ามีแต่เรื่อง    ผม   ผม    ผม    ผม   อยู่เต็มไปหมด หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง ความคิดของตัวเอง


วันที่ได้พบกับแสงสว่าง

             “ถ้าคุณรู้จักช่วยให้คนอื่นได้รับสิ่งที่เขาต้องการเสียก่อน คนเหล่านั้นก็จะช่วยให้คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการเหมือนกัน” ซิก ซิกลาร์ นักพูด

             เราหลายคนพยายามให้โลกเดินไปข้างหน้าด้วยการไปแก้ไขที่คนอื่น ๆ เพราะคิดว่ามันจะเห็นผลมากกว่า สิ่งที่ต้องทำคือการ ดัน ดัน ดัน ดัน มันออกไปให้เป็นอย่างที่ใจคิดเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วควรจะเข้าใจความต้องการของคนอื่น ๆ มากกว่า  เปลี่ยนจุดสนใจจากตัวเราไปสู่ภายนอก จากตัวเองไปเป็นบุคคลอื่น

วุฒิภาวะ 

             สิ่งที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงคือ วุฒิภาวะ (ความสามารถมองเห็นและทำอะไรเพื่อผู้อื่นได้) การมองภาพกว้าง โดนัลด์ มิลเลอร์ ผู้เขียนเรื่อง Blue Like Jazz เปรียบเทียบความไม่เป็นผู้ใหญ่เหมือนกับการที่เราคิดว่า ชีวิตคือภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เราเป็นพระเอก ซึ่งเด็ก ๆ ผมเป็นบ่อย บางที่ตอนอายุเท่านี้ผมก็ยังเป็น คนเหล่านี้แทบไม่สนใจว่าคนอื่นจะได้รับผลประโยชน์อย่างไร ถึงจุดหนึ่งที่คนเหล่านั้นพร้อมเค้าก็จะเดินจากไปจากคุณอย่างง่ายได้
บางที่วุฒิภาวะก็ไม่ได้โตตามอายุของเราไป เพราะลึก ๆ เราต่างต้องการรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญทั้งนั้น คนที่มีวุฒิภาวะเท่านั้นที่จะให้ความสำคัญกับคนอื่น และสามารถสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นได้อย่างแท้จริง

อีโก้ซิสเต็ม EGOSYSTEM

             แน่นอนคนที่มีอำนาจ มักจะมี EGO ที่สูงมาก บางทีมันก็กลายเป็นว่า EGO ไปสร้างกำแพงระหว่างเรากับผู้อื่น จนเรามองไม่เห้นความสำคัญของผู้อื่น เมื่อผู้อื่นรู้สึกว่าตนเองไม่สำคัญ แม้ว่าจะเคยรักและชื่นชมเราแค่ไหน วันหนึ่งเค้าก็ต้องถอยห่าง
คิดว่าภาษาอะไรสำคัญที่สุดในโลกการค้า แน่นอน หลาย ๆ คนคงนึกถึงภาษาอังกฤษที่มีผู้เรียนมากที่สุด ภาษาจีนประเทศที่มีประชากรมากสุด และมีกำลังการผลิตในราคาที่ต่ำจนน่าตกใจสุด  หรือไม่ก็ญี่ปุ่นผู้ แต่แท้จริงแล้วคำตอบที่เราคาดไม่ถึงรวมทั้งผมก็คือ “ภาษาของลูกค้า” ต่างหาก

             กับดักของการจดจ่ออยู่กับตัวเองมากไป นั้นคือ ขาดความมั่นใจในตัวเอง เมื่อเราขาดความมั่นใจ เราก็มักจะจดจ่ออยูกับเรื่องของตัวเอง จนทำให้ขาดความสัมพันธ์กับผู้อื่น สุดท้ายงานก็ไม่สำเร็จ

             มีกรณีศึกษาการเปิดร้านกาแฟที่เป็นแบบซื้อกลับไปทานที่บ้าน ในประเทศที่มีวัฒธรรมการนั่งดื่มกาแฟในร้าน ต้องใช้เวลานานจนเกือบจะไม่รอด กว่าที่จะเข้าใจคำถามของลูกค้าที่คอยถามถึงที่นั่ง หรืออาหารว่าอยู่ตรงไหน เพียงแค่เราไม่เข้าใจลูกค้าเท่านั้นเอง

             "เราไม่ได้อยู่ในวงการกาแฟที่คอยให้บริการผู้คน แต่เราอยู่ในวงการที่เกี่ยวข้องกับผู้คน แล้วคอยให้บริการเสริฟกาแฟต่างหาก “ นาบี ชาเลห์

คำถามที่ผู้คนจะถามเกี่ยวกับตัวคุณ

  1. คุณห่วงใยฉันหรือปล่าว  
  2. ช่วยเหลือผมได้หรือปล่าว ไม่มีใครสนใจ feature เลิศหรูของ Product หากว่า Product นั้นไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้เลย
  3. ไว้วางใจคุณได้หรือปล่าว บางทีความรักที่ว่ามีพลังยึดเหนี่ยวมากมาย ก็พ่ายแพ้หากไร้ซึ่งความไว้ใจ
             เวลาคนส่วนใหญ่ฟังคนอื่นพูด พวกเขาจะแอบคิดในใจว่าอยากให้ใครเข้าใจในความคิดเขาอย่างจริงใจ แม้กระทั่งคำถามว่า “ผมสามารถช่วยอะไรคุณได้ไหม ?” บางทีก็อาจะเป็นการช่วยเหลือตัวคุณเองไปด้วย

“  ไม่มีใครอยากถูกตามตื้อให้ซื้อสินค้า แต่อยากถูกตามมาให้ความช่วยเหลือ “

เรียบเรียงจาก Everyone Communicates Few Connect  ของ John C. Maxwell

Post a Comment

You can share any idea here.......

Previous Post Next Post

Contact Form