Shori Sushi ต้องลองสักครั้งจริงๆ

 

ในตอนแรกเริ่มเลย ผมเสร็จจากการประชุมอันเหนื่อยล้า ก็อยากจะหาอะไรดีๆทานหน่อย มีโอกาสได้ไปกับเพื่อนที่คลั่งไคล้อาหารญี่ปุ่นมากๆ โดยเฉพาะ ซูชิ และซาชิมิ  เราก็เลยเริ่มต้นตั้ง budget ในการกินเอาไว้ก่อนที่ 500 บาท

การตั้ง Budget ในการกินบางทีก็ตอบโจทย์กว่าการตั้งคำถามว่าจะกินอะไร บางทีเราจะจำกัดรูปแบบอาหารและร้านได้มากขึ้น

ตอนนั้นเพื่อนก็แนะนำมาร้านนึงแถวๆ อโศก ซึ่งขณะนั้นรถไม่ค่อยเยอะแล้ว ผมจึงเดินทางไปทันที
ร้านนี้ชื่อ Shori Sushi ตั้งอยู่ที่อาคารสุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ แถว BTS อโศก เบอร์โทร 02-1691532



เมื่อผมนั่ง เป็นเรื่องปกติกับการมากับเพื่อนคนนี้ เพราะ Counter ด้านหน้าจะเป็นที่ประจำ สไตล์การสั่งของเพื่อนคือจะให้ เชฟแนะนำเนื้อปลาที่สดๆก่อน และจึงค่อยตัดสินเลือก ดังนั้นที่ที่ใกล้เชฟจึงค่อนข้างสำคัญ จากรูป จะเป็นเนื้อปลาที่เก็บไว้ตู้แช่เย็น


ผมเริ่มดูราคาเมนูแต่ละอัน บอกตรงๆคิดว่างบ 500 เนี่ยไม่น่าพอแน่นอนครับ เพราะแอบเหลือบไปเห็นเมนูแนะนำด้วย เป็นเนื้อปลา Hom-Maguro ที่ถูกจัดมาเป็นแบบเซท ในราคาที่พิเศษ(แล้ว)!!!

"ฮงมากูโร่" หรือ ปลามากุโร่พันธุ์ Blue fin Tuna  มีความยาวได้ถึง 3 เมตร อาจหนักได้ถึง 500 กิโลกรัมหรือมากกว่า มีราคาสูงถึงตัวละ 100,000 เหรียญ หรือกว่า 3 ล้านบาท!!!

เอาหล่ะสิครับ แค่ 3 ชิ้นแรกก็เกินงบขึ้นมาเยอะและ แต่จากการพูดเชียร์ของเพื่อนและเชฟ ผมจึงตัดสินใจว่า "เอาวะ เครียดแล้วก็ต้องเอาให้ถึงหน่อย" จึงกัดฟันลืมเรื่องตัวเลขราคาแล้วสั่งไปซะ



ทั้งจานถูกเสริฟอย่างปราณีต มีเนื้อทั้งหมด 3 ชิ้นอย่างในรูปเป๊ะ จะเฉลี่ยชิ้นละ 300กว่าบาท คือกินฟูจิได้ชิ้นละจานเลยครับ

และแน่นอน ผมต้องหยิบกล้องมาถ่ายทันที ของแพงอย่างนี้ขอบันทึกประสบการณ์ไว้หน่อย

หลักการกิน ชิ้นเนื้อจะต้องถูกกินเป็นลำดับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดจะกินจากชิ้นที่มันน้อยที่สุดก่อนไปชิ้นที่มันที่สุด ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของเนื้อปลามากุโร่ชุดนี้

เหตุผลที่ต้องกินไล่จากมันน้อยเพราะว่า ไขมันจะแทรกตามต่อมรับรู้รส ทำให้จะเสียการรับรู้รสชาติไปครับ จึงต้องไล่จากรสที่อ่อนที่สุดไปรสที่เข้มข้นที่สุด

จากข้อมูลที่ผมหามาว่าชิ้นเนื้อแต่ละชิ้นจะมีลักษณะเป็นดังนี้พร้อมกับบรรยายความรู้สึกเมื่อรับรู้จากปากนะครับ



ชิ้นแรกคือ อะคามิ (Akami) เป็นเนื้อส่วนกลางลำตัว ที่มีจำนวนมากและหาได้ง่าย  มีสีแดง ไม่มีไขมัน เป็นเนื้อที่เราได้เคยรับประทานมากที่สุด แต่ร้านนี้มี Hightlight คือ ไข่ปลาคาเวียร์ที่ตักมาวางบนเนื้อปลา ที่คุณเห็นสีดำๆนั้นแหละครับ เกิดมาผมเพิ่งจะเคยได้กิน

ความรู้สึกเวลากิน: เมื่อเข้าปากไปแล้ว ต้องบอกว่าผมต้องละเมียดมันให้มากที่สุด ถามว่าผมไม่ใช่กูรู้ที่แยกแยะความอร่อยมันได้มากหรอกครับ ผมก็กินเหมือนที่คนอื่นๆกินกัน แค่รู้ว่าสดไหม เย็นเกินไปไหม แต่เจ้าชิ้นนี้ ต้องบอกเลยว่ามันสดมาก อุณหภูมิมันไม่เย็นมาก ทำให้รู้ว่าของเค้าดีจริงๆ ส่วนเจ้าไข่ปลาคารเวียร์นี้ ผมแยกไว้ในกระพุ้งแก้มแล้วละเลียดมันต่างหาก เกิดมากเคยแต่อ่านกันว่าคนร่ำรวยถึงจะมีปัญญากิน ถามผมผมไม่รู้หรอกว่าไข่ปลานี้ของดีหรือปล่าว รู้แต่ว่า มันก็อร่อยประมาณนึง รสชาติสำหรับผมมันมีความมัน ผสมความคาวนิดหน่อย กินแล้วก็รู้สึกดีครับ



เนื้อชิ้นที่สอง คือ ชูโทโร่ (Chu-Toro)  เป็นเนื้อส่วนที่อยู่ใกล้กับครีบของปลาทั้งด้านบนและท้องส่วนหลัง เนื้อส่วนนี้มีรสสัมผัสที่หวานนุ่ม มีไขมันคั่นสลับเนื้อปลาอยู่เกือบทั้งชิ้น

ความรู้สึกเวลากิน: มันเหมือนกับการเริ่มต้นเปลี่ยน texture ของเนื้อปลาเราจะเริ่มรู้สึกถึงไขมันที่มีอยู่ในตัวปลามากขึ้น ปกติผมจะไม่กินขิงดอง แต่ก่อนจะกินคำต่อไปผมต้องเอามากินหน่อย เพื่อที่จะตัดรสชาติความมันที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นมันหน่อย ชิ้นนี้ผมเฉยๆนะครับ เพื่อนผมก็บอกว่าธรรมดา



ชิ้นสุดท้ายจะเป็น โอโทโร่ (O-Toro) เป็นชิ้น higjlight และมีราคาแพงกว่าชิ้นอื่นๆ เพราะได้มาจากเนื้อท้องส่วนหน้าที่มีไขมันแทรกอยู่ทั่วชิ้น ซึ่งมีน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนของปลาทั้งตัว

ความรู้สึกเวลากิน: ชิ้นที่ใหญ่พอสมควร ตอนปลายลิ้นสัมผัสถึงไขมันที่แทรกอยู่ทั่วชิ้นปลาและจะแตกออก เหมือนมันกำลังจะค่อยละลายครับ ต้องยอมรับว่ามันแปลก แต่ว่าอร่อย ดีกว่าชิ้นทั้งสองชิ้นก่อนนี้จริงๆ มิน่าหล่ะเพื่อนถึง recommened ชิ้นนี้ต้องกิน

ความพิเศษของโอโทโร่นั้น จะมีเฉพาะในปลามากุโร่ที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป! ซึ่งใหญ่มากๆ การแสวงหาปลาแบบนี้ต้องหาในที่ที่เหมาะสมเท่านั้น มีความเสียงสูง และยังต้องมาถูกประมูลที่ตลาดปลาที่ญี่ปุ่นอีก จึงทำให้สนนราคาของโอโทโร่นั้นสูงลิบลิ่วและไม่ใช่ว่าจะมีเก็บเอาไว้ทุกร้านนะครับ


หลังจากได้ลอง 3 ชิ้นแทบที่ราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยกินแล้ว พ่อครัวก็ชวนคุย ถามว่าอร่อยไหม มันก็เป็นไปตามความเป็นจริงที่ชิ้นแรกกับชิ้นสุดท้ายอร่อย แต่เฉยๆกับชิ้นที่สอง พ่อครัวจึง เอายำตามรูปข้างบนเป็นกับแกล้มแล้วถามว่าจะรับอะไรเพิ่มอีกไหม



จานนี้สั่งมาเนื่องจาก สามชิ้นแรกนั้นแค่อร่อย แต่มันไม่ทำให้อิ่มเลย ชิ้นเหล่านี้โอเคครับ สด อร่อยแต่ผมจำความรู้สึกมันไม่ได้แล้ว และชื่อมันก็จำได้แต่ชิ้นแรก คือ Aji Sushi (ปลาทู)   ชิ้นที่สองเป็นเนื้อหอยเชลย่างไฟ อันสุดท้ายน่าจะกระพงหรือปล่าวไม่แน่ใจ


จานถัดไปปลาไหลมากิครับข้างบนน่าจะเป็นอโวคาโด ถามว่ารสชาติเป็นไง ผมว่าอร่อยเลย สามรถบอกได้ทัน หากคุณเคยกินจากร้านอาหารญี่ปุ่นอื่นว่าอร่อยแล้ว ผมแนะนำครับ ลองเมนูนี้

ปลาไหลเท่าที่ฟังจากเพื่อนเค้าบอกว่าส่วนใหญ่จะฉีกห่อมาทำทั้งนั้น เพราะว่าการย่างปลาไหลให้อร่อยมันยากมากๆ ส่วนใหญ่ก็สำเร็จรูปทั้งนั้น 

ทั้งหมดนี้หารกับเพื่อนคนละครึ่งครับ เพราะยังมีเมนูอื่นๆอีก


ยำหนวดปลาหมึกยักษ์ จานนี้ฟรี!! ครับ เอามาใช้ตัดรส แต่เนื่องจากรสชาติเป็นแบบไทยมาก คือค่อนข้างเผ็ดเลย ปกติผมกินเผ็ดได้นะ แต่นี่เผ็ดจนแทบจะทำลิ้นชาเลย กลัวจะไม่สามารถรับรู้รสอาหารเมนูอื่นๆได้



หลังจากที่ผ่านเมนูต่างๆข้างต้นมาแล้ว พบว่ายังไม่ค่อยอิ่มครับ และเพื่อนก็อยากให้ลอง เนื้อของครีบปลา ซะด้วยถ้าไม่เคยกิน ถามผมอาจจะเคยกินมั๊ง แต่คงจำไม่ได้ เพื่อนจึงจัดแจงสั่งมาให้เป็นลักษณ์ของ Roll ครับ ทั้งหมดนี้เป็นการ Custom ทั้งหมดเลย เพื่อนเลือกเนื้อครีบปลา ผสมกับตับห่าน  (ฟัวกราส์) ส่วนโรยด้วยงาเป็นคำแนะนำของเชฟ

ความรู้สึกเวลากิน: ต้องบอกเลยว่าพลาดอย่างมากที่ใช้งามาผสมในคำๆนี้ ทำไมนั่นเหรอ กลิ่นของงาและความมัน ของงากลบรสชาติเนื้ออื่นๆจนหมดสิ้น เพื่อนผมกินก่อนคำแรก ถึงกับส่ายหัวแล้วบอกว่าให้แยกกินครับ ผมเลยลองกินชิ้นแรกแบบรวมๆก่อน ก็พบว่าเป็นอย่างที่เพื่อนพูดจริงๆ แม้ว่าจะพยายามใช้ลิ้นละเลียดมันออกมาแล้ว

พอชิ้นที่สองก็เลยใช้วิธีชิมที่ละอันครับ
ตับห่าน เป็นอาหารที่หมู่คนมีตังค์ชอบกิน อุดมไปด้วยไชมันมหาศาล สำหรับผมแล้วมันไม่ผ่านตั้งแต่เป็นตับแล้ว ผมไม่ชอบตับเอามากๆ เคยพยายามจะกินตับห่านทีนึงแล้ว คิดว่าไม่ผ่านครับ แต่ตอนนั้นคิดว่าอาจจะเป็นเพราะของอาจจะไม่ดีมั๊ง แต่มาครั้งนี้ชัดเจนครับ ว่าไม่ชอบ เนื้อมันลื่นๆ หยุ่น มันๆ

เนื้อครีบปลา เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมา ตัวเนื้อมันมี texture จะเป็นเส้นๆก็ไม่เชิง เหมือนเป้นกระดูอ่อนๆคล้ายหูฉลามมาติดๆกัน เป็นอะไรที่ไม่เหมือนอาหารคนเอามากๆครับ รสชาติค่อนไปทางจืดหน่อยๆ มีกลิ่นของปลานิดๆ กรุบๆเล็กน้อย



ปิดจบทุกรายการ ต้องบอกความรู้สึกจริงๆครับว่า "ฟิน" ความรู้สึกอิ่มไปหมด สำหรับเพื่อนวันนี้มันบอกว่าไม่ผ่านหลายๆอย่าง แต่ผมเองเนี่ยสุดยอดที่สุดที่เคยกิน เพราะผมเองก็ไม่มีประสบกาณ์กินของดีๆเท่า ต้องบอกว่าเช็คบิลมาก็แทบหงายหลังเลยครับ 

เกือบ 3000 บาท!!!!

คือ สำหรับผมมันโอเคครับ เป็นการเปิดประสบการณ์การกินอาหารที่พรีเมี่ยมอย่างหนึ่งในชีวิตเลย ทำให้รู้ว่าของแต่ละอย่างที่เคยอ่านเจอในหนังสือการตูนมันเป็นอย่างไร ของดี ของไม่ดีมีอะไรเป็นตัวแบ่ง สำหรับคนที่อยากลอง ถ้าเงินมีพอหน่อยลองดูครับ ครั้งหนึ่งในชีวิต 

แต่อย่างไรก็ตามก็ถามเชฟด้วยนะครับ ว่าแนะนำเนื้ออะไรบ้าง เพราะเนื้อสดๆใหม่ๆ ย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ


Post a Comment

You can share any idea here.......

Previous Post Next Post

Contact Form