ประสบการณ์ และทำไมถึงเลือก Apple Airpod

วันนี้ ผมเพิ่งได้รับ Apple Airpod จากการสั่งเมื่อ 2-3 วันก่อน ซึ่งคิดอยู่นานเลยว่าจะซื้อดีไหม แต่ด้วยความที่ว่าเพิ่งซื้อ Apple Watch มาด้วยบางก็อยากจะรู้สึกว่า อยากให้มันทำงานร่วมกันทั้งหมด

เหตุผลที่ไม่ได้ซื้อตั้งแต่แรกๆ


- Defecive Good : Product Apple ช่วงแรก โดยเฉพาะล๊อตแรก มักจะมีข่าวไม่ค่อยเรียบร้อยแบบเงียบๆ คือต่อให้เคยได้ชื่อว่าทำสินค้าออกมาเนี๊ยบแค่ไหน ผมเห็นหลังๆก็มีพวกจุดหลุดอยู่บ่อยๆ ซึ่งจากการแกะแยกส่วนทั้ง ifixit และและภาพจาก idownloadblog จะเห็นได้ว่างานนี่เรียกได้เลยว่า "เผาส่ง" ยิงสารเหนียวๆคล้ายกาว เพื่อยึดชิ้นส่วนแบบนี้ ดูไม่ใช่วิธีคิดของ Apple เท่าไร
http://www.idownloadblog.com/

- Design : จากการมองแรก คือ Product ดูดี แต่พอใส่แล้วมันกลายเป็น มรนุษย์ต่างดาวไปซะงั้น จริงๆแค่ตรงก้านมันใหญ่กว่า Earpod ธรรมดา และตัดสายออกไปทำให้รู้สึกว่าเราอยู่บนยานได้ยังไง กล่องเก็บเองก็โดนล้อเลียนซะแย่






ในเรื่องของการออกแบบ ผมค่อนข้างผิดหวังมาก อาจจะเพราะว่า design ของ apple เองต้องการจะ  reuse เรืองของ design เพื่อไม่ให้เกิด leap of industial design มากนัก แต่มันคงเป็น flawed ที่ไม่สามารถทำอะไรมากได้ เพราะคงไม่ได้ออกแบบมาพร้อมๆกับ Airpod ซึ่ง Airpod นี่ต้องยอมรับว่าออกแบบมาได้ดีมากจริงๆ

ส่วนกล่องใส่ กลับย้อนกลับไปใช้ Material สมัย Macbook white(2006) ที่ใช้เป็น Plastic สีขาวขอบมน ซะงั้น ทำให้ value มันดูไม่น่าจะเป็นยุค2016 เท่าไร



- Sound quality : ผมถามเรื่องเสียงจากคนอื่น และพยายามดู review จาก youtube สำหรับ คนที่มีควาเชี่ยวชาญเรื่องของเสียง ก็พบว่า เสียงไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไร เพราะดูเหมือน Technology ตัว Driver ขับเสียงถูกเบียพื้นที่ไปเป็น Chip, Battery, และเสาอากาศไปเสียมากกว่า

ifixit.com


ทั้งนี้ยังต้องคำถึง Balance ของตัวหูฟังแต่ละชิ้นด้วย เนื่องจาก Product ที่ดี นอกจาก สัมผัสที่ดีแล้ว balnce และ น้ำหนักจะต้องเหมาะสมด้วย ของราคาแพงถ้าเบาไปก็ไม่ดี หนักไปก็ไม่ดี

แล้วทำไมถึงคิดว่า Airpod ดีภายหลังหล่ะ

จากที่ Google ออก Google earbud ออกมา ทำให้เกิดการเปลี่ยบเทียบราคากันกับ Airpod เลย ซึ่ง Tecnology eanble ของแต่ละค่ายจะมาแบบฟัดเหวี่ยงกันที่ทางโค้งทุกที แม้ตัว Google จะออกช้าไปปีกว่า แต่ นอกจากเรื่อง Tanslate  แบบ Realtime แล้วผมยังไม่โดนกับ Feature ของสินค้าที่ออกมาตามหลังเท่าไร ทั้งเรื่องของยังไม่ truely wireless

คำถามว่า ทำไมต้อง truely wireless

ความแตกคือ อิสระอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนหน้านี้ผมใช้ Sony MDR-AS600BT ซึ่งเบามาก แต่ยังมีสายด้านหลังที่ทำให้เกิดความน่ารำคาญโดยเฉพาะตอนออกกำลังกาย แล้วสายที่ทำจาก ยาง จะเหนียวและเกาะตรงสันคอ ตลอดเวลา

Sony MDR-AS600BT


ข้อดีก็คือเวลาคุณต้องการพักหูนึง เพื่อคุยกับเพื่อน หรือเพื่อฟังอะไรแปปนึง มันยังมีสายที่เกาะที่คอคุณไว้ได้ไม่หล่น หรือไม่ต้องยกออกมาและหาที่วาง

Google earbud


Earbud ไม่ดีเหรอ ? ตอบยังงั้นคงไม่ถูก อาจจะเพราะผมยังใช้ iPhone เป็นหลักอยู่ ถ้าคนใช้ android โดยเฉพาะ Pixel ผมก็คงเชียร์ให้ใช้ Earbud นะ แต่ที่บอกผมเคยใช้รุ่นมีสายแล้ว ก็อยากจะเปลี่ยนมั่ง

Charging Case

เป็นการออกแบบโดยใช้ Design Thinking ที่ดี เอา pain (การเก็บหูฟังแต่ละข้าง และ ปัญหาเรื่องของ Battery) ที่จะเกิดขึ้นของ user มาออกแบบทำให้กลายเป็นประโยชน์แบบคาดไม่ถึง



เจ้าอื่นไม่รู้ยังไง แต่ผมดูของ 2-3 เจ้าที่เค้าแนะนำใน internet ในช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา ผมว่าของ Apple make sense มากกว่าเยอะ การที่มีสายแล้วต้องมาพันแบบ Earbud ผมว่าคงไม่ต่างกับการใช้หูฟังแบบมีสายทั่วไปเท่าไร


คำสารภาพจากการใช้งานจริง

จากการเปิดกล่องที่เคยเห็นแล้วตาม Youtube ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นมาก Exprience จากการ Popup หน้า device connection ทำให้ Dopamine ผม Hit ได้ตามที่ Youtuber หลายๆคนพูดกัน เป็นสิ่งที่ Apple ทำได้ดีที่สุดและเป็นผู้นำด้านเชื่อมต่อ bluetooth ไปได้ (เป็นเพราะมันเป็น ecosystem ของ Apple เอง ถ้า control Environmentนี้ ไม่ได้ก็แย่แล้ว)


หลังจากที่เชื่อมต่อ ผมเอาหูฟังทั้งหมดใส่หู Dopamine ผมก็ hit อีกครั้งเนื่องจาก Sensor ได้ detect การสวมใส่ แล้วเสียงที่เกิดจากการ Activate หรือ Response การใช้งาน Design ได้ Apple จริงๆ

กลายเป็น Experience ความน่าเบื่อหน่ายจากการต้องมาเชื่อมต่อ Bluetooth ที่เคยเป็นมา เปลี่ยนเป็นความสนุกในการเล่นทันทีด้วย Animation, sound, interaction ที่เกิดขึ้น

ตัวหูฟัง เบาพอดีๆ ด้วยความที่ Balance ที่เกิดจากการ hold แต่ละจุด เหมือนถูกคิดมาทั้งหมดแล้ว ทำให้ไม่หล่นไปจากมือง่ายๆ 

สวมใส่ กระชับ ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะพอดี ถึงแม้ว่า Apple จะ research ตรงนี้มาเยอะพอสมควร แต่ถ้าคุณลอง Earpod แล้วไม่พอดี ก็คงจะไม่เหมาะกับ Airpod ตัวนี้ เพราคุณเป็น 20-30% ของคนทั่วโลกที่ Apple ยอมแพ้

เสียง เป็นที่กังขามานาน แต่พอมาลองแล้วพบว่าเสียงดีกว่า Earpod นิดหน่อย ไม่มาก ถามว่าถ้าคุณ serious อย่าได้คาดหวังมากหนัก   อ่ออีกอย่างที่ผมเลือก Airpod จาก Sony ยังมีเรื่องของ in-ear ด้วย ผมเริ่มไม่ค่อยอยากใส่ in-ear ในบางกรณีละ เพราะค่อยข้างเหนอะหู  และอยาก save หูไว้ฟังตอนแกด้วย

การเชื่อมต่อ across device ยังมีปัญหาตอนเชื่อมกับ Mac คุณไม่สามารถเชื่อเลยทันทีได้ (High Sierra) เพราะดูเหมือนจะ search หาไม่เจอ อ่านในเนตเค้าบอกว่าเกี่ยวกับ Bluetooth cahce ผมเลย Restart เครื่องจึงสามารถหาเจอ และเชื่อมต่อได้ปกติ

ที่ผมยังไม่ได้ลองคือการคุยในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอย่างเช่น NYC Subway (555 ผมกลับไทยมาแล้ว คงไม่ได้กลับไปลองแล้ว) หรือ บน BTS หรือตามห้าง ตลาด ซึ่งผมคิดว่าน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี


จุดอ่อนที่เห็นได้ชัด 

  • การถอดหูฟังออกข้างนึงชั่วคราว แล้วต้องหาที่วางให้มันไม่งั้นต้องเก็บเข้า Case
  • รู้สึกประหลาดจากคนรอบข้าง คงต้องใช้เวลาสักพักนึง
  • Batt เหมือนจะหมดเร็ว กว่าที่คิดไว้ 
  • ต้องหา Silicone CASE  มาใส่แน่นอน เพราะรอยน่าจะเกิดง่าย เพราะใส่กระเป๋ากางเกง อาจจะโดนทั้งเหรียญ กุญแจ
  • การปรับ Volume การ Control เพลงที่เคยทำได้หายไป ต้องไปพึ่ง Siri (ที่ไม่ค่อยจะฉลาด) แทน หรือต้องไป Set การ Double Tap ให้ด้านนึงเป็น Siri ด้านนึงเป็น Play/Pause ซึ่งคุณสามารถเลือกเป็น Skip forward หรือ Backward ได้



Post a Comment

0 Comments