เมืองสายลม Chicago วันแรก

Chicago เป็นเมืองที่อยู่ใน Bucket lists ที่จะต้องไปก่อนกลับไทย ย้อนกลับไปช่วงที่ผมยังอาศัยอยู่ New York City การเดินทางจาก East Coast ค่อนข้างง่ายกว่า ผมจึงตัดสินใจไปก่อนที่จะย้ายกลับมาฝั่ง West อีกครั้ง

Chicago, เมืองแห่งสายลม (Windy City) เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น ผังเมือง สถาปัตยกรรม และผู้คน จากความเห็นคนที่เคยอยู่ทั้งฝั่ง LA และ NYC, Chicago จะเป็นเหมือนที่อยู๋ตรงกลาง แต่มีความเป็น individual สูงกว่า สนามบิน O'Hare International Airport เป็นสนามบินที่มี Air traffic มากที่สุดของโลก ด้วยความทื่เป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองเศษฐกิจแห่งหนึ่งของ The US, Chicago มี GMP (Gross metropolitan product) เป็นอันดับ 3 อย่างไรก็ตาม ภาพของเมืองเศษฐกิจแล้วเมืองนี้ยังเป็นแหล่งรวมความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และงานศิลปะระดับโลกอีกด้วย

Chicago เป็นชื่อที่ได้มาจากการเรียก กระเทียมชนิดหนึ่ง (shikaakwa) ของ ชาว Native Americans ให้ชาวฝรั่งเศสฟัง จากนั้นก็ถูกเรียกกว่า (Checagou)

การเดินทางเข้าตัวเมือง

จากสนามบิน O'Hare International Airport ผมเลือกการเดินทางโดย "L" ซึ่งรถไฟที่นี่เรียกสั้นว่า “L” บางคนก็ว่าย่อมาจาก Loops ซึ่งเป็นลักษณะของรถไฟทุกสายที่เข้ามาใน Downtown จะวนกันเป็น Loops หรือว่าย่อมาจาก Elevated Railway ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้
จากหนังเรื่อง Spiderman ที่ตามเรื่องต้องเป็น NYC แต่ต้องมาถ่ายที่ Chicago ในซีนที่เป็นรถไฟลอยฟ้า เพราะว่าที่ NYC ไม่มี

L ของเมืองนี้ ณ.ปี 2016 ราคาต่อเที่ยว $2.25 แต่ผมซื้อ CTA 3-Day Pass (ราย 3 วัน) ตก $20 เพื่อที่จะเดินทางอย่างสบายใจไม่ต้องกลัวค่ารถ และ 3 วันก็ลงกับตารางการเดินทางของผมด้วย

เมื่อถึงสนามบิน สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าห้องน้ำก็คือ หาซื้อตั๋ว City Pass เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด และจุที่น่าสนใจได้เอามารวมไว้ใน City Pass หมดแล้ว ข้อดีนอกจากที่ราคาจะลดลงจากปกติแล้วเรายังไม่ต้องไปรอ Line เพื่อนที่เข้าชมแต่ละสถานที่อีกด้วย ทำให้ประหยัดเวลาไปเยอะเลย

วันแรกตามแผนก็คือหาอะไรกินใน Dowtown แล้วจะไปเดิน Art Institute of Chicago กัน
ที่นี่มีงานศิลปะที่มีชื่อเสีนงใน ยุค Impressionist กัน โดยที่เรา (ชาวอมเริกัน) ไม่ต้องบินไปดูถึง Paris และยังมีภาพที่มีชื่อเสียงของศิลปนชาวอเมริกัน อย่าง Nighthawks ด้วย

เนื่องจากมี โรงเรียนศิลปะตั้งอยู่ใกล้ Art Institute of Chicago ภาพของอาจารย์พานักเรียนมาศึกษาในวันธรรมดาที่ผมไปจึงเป็นเรื่องปกติ ข้อดีก็คือเราได้ฟังแนวคิดการมองงาน และการวิเคราะห์จากกลุ่มเหล่านี้ฟรีๆ
ภาพการที่นักเรียน sketch หรือจดบันทึกจากงานศิลปะต้นฉบับ ทำให้ผมแอบอิจฉาเหล่านักเรียนที่นี่ เพราะจำได้สมัยเรียน ป.ตรี เราได้แต่ sketch และวิเคราห์จากหนังสือ หรือ Internet ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ High Speed ทำให้เราขาดมิติมุมอื่นๆไป
ภาพเขียนดังๆ อย่าง A Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte มีทั้งมี NY และ Chicago แต่ต่างกันที่ Size และ Detail (ของ Chicago ใหญ่เต็มห้อง) ผมสงสัยว่าเป็น Original หรือปล่าว จึงได้ไปถามเจ้าหน้าที่นั้น ได้ความว่า งาน Original มีความเป็นไปได้ว่าจะมีมากกว่า 1 ชิ้น เพราะศิลปินจะทำการเขียนภาพร่างหลายอันก่อนขึ้นงานจริง
เรื่องเกี่ยวกับภาพศิลปะคงจะต้องเขียนกันยาว เลยตั้งใจจะแยกเขียนไปภายหลัง เพื่อที่ให้คนที่สนใจได้ลงลึกกันจริงๆ Post นี้จะได้กระชับหน่อยด้วย

แวะซื้อ Garrett popcorn

เป็นความบังเอิญที่เดินผ่านก็เลยคิดอยากจะกิน ไม่ได้มีความรู้เรื่องความเป็นมาสักเท่าไร หลังจากซื้อแล้วจึงรู้ว่าที่ Chicago เป็นเมืองต้นกำเนิดของ Garrett popcorn โดยสาขาแรกอยู่ที่ 10 West Madison Street

Millenium Park

เป็นจุดที่เปรียบเสมือน Central Park ของ NYC แต่มีความสมัยใหม่มากกว่าเพราะพึ่งสร้างเสร็จไม่นาน ด้านล่างเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ มีจุดน่าสนใจอย่าง Cloud gate, Clown Foutain, BP Bridge, Jay Pritzker และ Great Lawn

The Cloud Gate มีอีกชื่อเล่นนึงเรียกว่า The Bean เนื่องจากรูปทรงที่มีความคล้าย "ถั่ว" มากกว่า โครงสร้างภายในเป็นเหล็กสูงราวตึก 3 ชั้น (13เมตร) ประกอบขึ้นจาก stainless steel plates จำนวน 168 ชิ้น เชื่อมแบบไร้รอยต่อ
The Crown Fountain เป็นสวนน้ำแบบ Interactive ชื่อเป็นชื่อทีตั้งให้เป็นเกียรติแก่ตระกูล Crown
สิ่งที่ชอบสำหรับสวนนี้ก็คือ Landscape เจ๋งมาก และเป็นแหล่งรวมกิจกรรมต่างๆของชุมชน เลยมาจากจุดนักท่องเที่ยวก็จะเป็นเหมือนสนามเด็กเล่ยที่มี Theme หลายๆ theme เช่น เรือ หรือว่าป่า มีป้ายบอกอายุที่เหมาะสม และเต็มไปด้วย Protection สำหรับกันกระแทก ทางเข้าออกแต่ละ Station มีทางเดียวทำให้พ่อแม่เด็กปล่อยเด็กได้ ทำให้เหมือนเด็กมีอิสระได้ผจญภัยเต็มที่

Tip: Cloud gate เป็นจุดที่รวมนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ถ้าคุณไม่ mind เรื่องการถ่ายรูปติดคนเยอะๆ จะไปเวลาไหนก็ได้ แต่ผมไปตอนเย็นๆแล้วปรากฏว่าภาพไม่ได้อย่างที่ต้องการ จึงตัดสินใจจะกลับมาถ่ายใหม่ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น อีกอย่างผมต้องการแสงเช้าลอดใต้ Cloud Gate ด้วย ซึ่งปรากฏว่าได้ภาพใกล้เคียงที่อยากได้เลย และคนยังไม่เยอะด้วย